ขายกะหรี่ปั๊บ ตัวละ หนึ่งบาท สร้างงานสร้าง อาชีพได้

ขายกะหรี่ปั๊บ ตัวละ หนึ่งบาท สร้างงานสร้าง อาชีพได้

ขายกะหรี่ปั๊บ ตัวละ หนึ่งบาท สร้างงานสร้าง อาชีพได้  เมนูอาหารว่างที่หลายคนมักจะได้รับมาเป็นของฝากอยู่บ่อย ๆ เวลาไปสระบุรี กะหรี่ปั๊บ” ที่ถูกปากใครหลายคนเวลาไปเยือนจังหวัดสระบุรี จะต้องแวะซื้อกลับมาอย่างแน่นอน  แต่ถ้าทิ้งค้างไว้สักวันสองวัน ความอร่อยก็ค่อย ๆ หมดลง ดังนั้นผู้ประกอบอาชีพที่ทำขนมประเภทนี้ขาย จะต้องมีกรรมวิธีหรือเทคนิคการทำเพื่อสร้างความแตกต่างหรือจุดขายแปลกใหม่ให้กับทางร้านให้ได้

วันนี้เราจะมาพูดถึง ร้านกระหรี่ปั๊บชื่อดัง ของร้านพี่จู เจ้าของร้านกะหรี่ปั๊บศรีอัมพร ที่เล่าว่า ทำกะหรี่ปั๊บขายมานานกว่า 10 ปีแล้ว จากเดิมทีเคยล้มลุกคลุกคลานมาตลอด แต่ต่อมาได้เปลี่ยนอาชีพเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่โรงพิมพ์คุรุสภา 4 ปี ก็พออยู่ได้สบาย ๆ แต่ต้องเลิกขายไปโดยปริยายเนื่องจากมีการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร และเธอประมูลร้านขายของไม่ได้ จากนั้นก็มาขายก๋วยเตี๋ยวในโรงเรียนมัธยมย่านสุคนธสวัสดิ์ แต่จะมีช่วงปิดเทอมนาน 3 เดือน ก็จะประสบปัญหาเพราะมีรายจ่ายทุกวัน

แต่ต่อมาหาทางที่ถนัดคือการทำขนม ที่ผ่านมาเคยทำขายมาก็หลายอย่าง เช่น โตเกียว ขนมเบื้อง สาคูไส้หมู ฯลฯ พอดีเจอคนขายกะหรี่ปั๊บอย่างเดียวก็อยู่ได้ แล้วก็นึกถึงน้องคนหนึ่งเขาเคยทำกะหรี่ปั๊บให้กิน อร่อยมาก กรอบนอก นุ่มใน อร่อยลงตัวเข้ากันพอดีกับไส้ เมื่อตัดสินใจแล้วก็ไปซื้อสูตรมาต่อยอด

กะหรี่ปั๊บร้านศรีอัมพร มี 4 ไส้ ได้แก่ ไส้ไก่, ไส้ถั่วเหลือง, ไส้เผือก และไส้สับปะรด โดยไส้ไก่ได้รับความนิยมมากที่สุด

เรามาสอนวิธีการทำกะหรี่ปั๊บกัน พร้อมทั้งการจัดเตรียมอุปกรณ์ เผื่อใครสนใจอยากลองนำไปทำขายที่ตลาดนัดกันดูบ้าง ก็สามารถเรียนรู้สูตรที่เรากำลังจะบอกนี้ไปฝึกทำขายกันได้เลย

อุปกรณ์ ในการทำกะหรี่ปั๊บไส้ไก่ หลัก ๆ มี เครื่องนวดแป้ง, ไม้รีดแป้ง, ที่ตัดแป้ง, เตาแก๊ส, กระทะ, ตะแกรง, ถาด, เขียง และภาชนะต่าง ๆ ที่ใช้ในครัว

การทำกะหรี่ปั๊บหลัก ๆ มีแป้งชั้นนอก, แป้งชั้นใน และไส้กะหรี่ปั๊บ

ส่วนผสมของแป้งชั้นนอก มี แป้งสาลี 1 กก., น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำปูนใส 200 กรัม, น้ำมันพืช 200 กรัม, น้ำเย็น 200 กรัม และเกลือป่น 2 ช้อนชา

ในขณะที่ แป้งชั้นใน มีส่วนผสมของ แป้งสาลี 200 กรัม และน้ำมันพืช 100 กรัม

ขั้นตอนการทำ กะหรี่ปั๊บ

แยกนวดแป้งชั้นนอก และแป้งชั้นในออกจากกัน ส่วนวิธีนวดเหมือนกัน คือ เทส่วนผสมทั้งหมดในกะละมัง แล้วใช้มือนวด หรือใช้เครื่องนวดแป้งนวด นวดให้แป้งและส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เมื่อนวดแป้งเข้ากันดีแล้ว ให้ตัดแป้งแต่ละชนิดออกเป็นชิ้น ๆ โดย แป้งชั้นนอก หากจะขายชิ้นละหนึ่งบาท ก็ลองคำนวณน้ำหนักให้ได้สัดส่วนที่พอเหมาะอีกที

รีดแป้งแต่ละชิ้นให้บาง แล้ววางส่วนแป้งชั้นในลงบนแป้งชั้นนอก พับครึ่งแล้วใช้ที่รีดแป้งรีดให้เข้ากัน แล้วพับแป้งอีกครั้ง แล้วรีดให้เข้ากัน ทำแบบนี้ประมาณ 8-9 ชั้น แป้งจะกลายเป็นชั้น ๆ ในส่วนของ ไส้กะหรี่ปั๊บ ข้อมูลมีดังนี้ คือ

ไส้ไก่ มีส่วนประกอบของ เนื้อไก่สับ 300 กรัม, มันฝรั่งบด 1 กก., หอมหัวใหญ่สับ 200 กรัม นอกจากนี้ ในส่วนของเครื่องปรุง มีผงกะหรี่ 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 160 กรัม, เกลือป่น 1 ช้อนชา, ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำมันพืช, พริกไทยป่น 2 ช้อนชา, รากผักชีโขลก 1 ช้อนโต๊ะ

เอาน้ำมันใส่กระทะเล็กน้อย รากผักชีโขลกผัดกับน้ำมันพอมีกลิ่นหอม ตามด้วยหอมใหญ่สับลงไปผัดให้หอม ใส่เนื้อไก่สับลงไปผัดพอสุก จึงใส่มันฝรั่งบดลงไปผัดให้สุก ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสต่าง ๆ โดยเน้นรสชาติให้หวาน ๆ เค็ม ๆ และมีกลิ่นของผงกะหรี่ และกลิ่นพริกไทยด้วย ผัดไปเรื่อย ๆ ให้ส่วนผสมแห้งดี ยกลงจากเตา ตักใส่ภาชนะพักไว้จนส่วนผสมแห้งสนิท

ไส้ถั่วเหลือง, ไส้เผือก นั้น จะต้องนำถั่วเหลืองและเผือก ไปต้มให้สุกเสียก่อน แล้วนำมาบดให้ละเอียด วิธีกวนไส้ ตั้งกระทะทองเหลือง ใส่ถั่วเหลืองบด หรือเผือกบดลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย และนมสด ในสัดส่วน 80 : 20 กวนด้วยไฟอ่อน ๆ ให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ใช้เวลา 40-50 นาที ชิมรสถ้าเข้ากันได้ดีแล้ว เป็นอันใช้ได้

การปั้นกะหรี่ปั๊บ นำแป้งกะหรี่ปั๊บแต่ละชิ้นที่ปั้นเสร็จแล้ว มารีดให้บาง กะให้ขนาดยาว 8 ซม. กว้าง 6 ซม. จากนั้นตักไส้กะหรี่ปั๊บลงไปบนแป้งพอประมาณ แล้วพับครึ่ง ใช้นิ้วหัวแม่โป้งและนิ้วชี้จับจีบให้เป็นเกลียวที่ขอบแป้งเพื่อปิดขอบแป้งให้สนิท และดูสวยงาม

ต่อไปเป็นการทอด ตั้งกระทะใช้ไฟแรงปานกลาง ใส่น้ำมันพืชท่วม รอจนกระทั่งน้ำมันเดือด ค่อย ๆ ใส่กะหรี่ปั๊บทีละชิ้นลงไปทอด รอจนกระทั่งกะหรี่ปั๊บลอยขึ้นมา แล้วค่อย ๆ หรี่ไฟลงเล็กน้อย หมั่นคนบ่อย ๆ เมื่อกะหรี่ปั๊บเริ่มสุก สังเกตว่ามีสีเหลืองทอง เท่านี้ก็ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน เป็นอันเสร็จพิธี

สำหรับพ่อค้าแม่ค้า สามารถนำสูตรการทำกะหรี่ปั๊บของเจ้จูไปทำขายกันได้ ลองทำแบบกะหรี่ปั๊บตัวละหนึ่งบาทขาย นอกจากจะสร้างความแปลกใหม่แล้วยังสามารถทำขายได้ง่ายกว่า เพราะพอดีคำ ทานง่าย และคนส่วนใหญ่ถ้าเห็นชิ้นละบาท ก็มักจะซื้อ 20 30 ชิ้นขึ้นไปอย่างแน่นอน

ขอบคุณเครดิตภาพ : http://shorturl.asia/vnA5H

อ่านบทความเพิ่มเติม :http://www.archeep108.com