อาชีพ ขายขนมหวาน รายได้ เสริม ที่มั่งคง

 

อาชีพ ขายขนมหวาน รายได้ เสริม ที่มั่งคง  ในการเปิดร้านขายขนมหวาน สามารถทำเป็นอาชีพเสริม อาชีพอิสระไดด้ เพราะอาชีพขายขนมหวานถือว่าเป็นอาชีพเสริมที่ลงทุนน้อย แต่รายได้ดี   เนื่องจากเรื่องอาหารการกินถือว่าเป็นปัจจัยสี่ที่คนเราต้องบริโภคกันทุกวัน แม้กระทั่งอาหารหวาน คาวต่าง ๆ ก็ยังคงทานกันไม่น้อย
การขายขนมหวาน เป็นอีกหนึ่งไอเดียอาชีพที่น่าสนใจ เราลองมาชมกันดีกว่าว่า การจะเปิดร้านขายขนมหวานนั้นต้องใช้ทุนเท่าไหร่ มีปัจจัยอะไรบ้างในการเปิดร้านขายขนมหวาน ที่สามารถทำรายได้หลักหมื่นกันเลย

ขนมไทย คือ

อาหารหวานของอาหารไทย ลักษณะขนมไทยจะมีความหวานจากน้ำตาล ความมันจากกะทิ โดยมีส่วนผสมของวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น แป้ง ไข่ไก่ ไข่เป็ด เนื้อผลไม้ต่าง ๆ เช่น ลูกตาล ลูกชิด มะพร้าว กล้วย ซึ่งเทคนิคการทำขนมไทยส่วนมากจะเป็นการนึ่ง การต้ม เป็นหลัก

ประเภทของขนมหวานไทย

แบ่งได้ 7 ประเภท คือ ขนมกวน ขนมนึ่ง ขนมเชื่อม ขนมทอด ขนมอบ ขนมต้ม
ขนมประเภทนึ่ง ใช้ความร้อนจากไอน้ำทำให้ขนมสุก เช่น ช่อม่วง ขนมชั้น ขามต้มมัด
ขนมประเภทเชื่อม เป็นการนำวัตถุดิบมาต้มกับน้ำตาลให้ความหวาน เช่น ทองหยอด ทองหยิบ ฝอยทอง กล้วเชื่อม
ขนมประเภททอด  นำวัตถุดิบลงกะทะน้ำมันทำให้สุก เช่น กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ขนมฝักบัว
ขนมประเภทการอบ ใช้ความร้อนทำให้ขนมสุก มีลักษณะแห้งกรอบ เช่น ขนมกลีบลำดวน ขนมครก ขนมเบื้อง
ขนมประเภทต้ม เป็นการนำวัตถุดิบมาต้มให้สุก เช่น ขนมถั่วแปบ ขนมต้ม ขนมเหนียว ขนมเรไร
ขนมประเภทน้ำ นิยมใช้น้ำตาลและน้ำกะทิมาทำขนม เช่น กล้วยบวชชี มันแกงบวด สาคูเปียก ลอดช่อง

เริ่มต้นเปิดร้านขายขนมหวาน ต้องทำอย่างไร

ก่อนจะเปิดร้านขายขนมหวาน คุณต้องฝึกฝีมือในการทำขนมหวานกัน หลักการง่าย ๆ ในการทำขนมหวานขายคือ ต้องทำขนมออกมาให้มีรูปร่างหน้าตารวมถึงสีสันที่น่าทาน รสชาติที่หอมหวานอร่อยเป็นหลัก เพื่อทำให้ลูกค้านั้นเกิดการกลับมาซื้อซ้ำและเป็นเจ้าประจำของร้านเรา
ขนมหวานที่เราสามารถทำขายได้นั้น เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ทองหยิบทองหยอด บัวลอยไข่หวาน ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวเหนียวถั่วดำ ฟักทอง ลอดช่อง รวมมิตร เป็นต้น รวมถึงการทำรูปแบบให้น่าสนใจ ดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อได้อย่างดี ในรูปแบบการจัดรานขนมหวาน รวมถึงภาชนะที่ใช้บรรจุขนมหวานมีส่วนสำคัญ เพราะทำให้ขนมหวานเราดูน่าทาน แล้วยังบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของร้านเรา และที่สำคัญต้องคำนึงถึงความสะอาดด้วย เพราะลูกค้าทุกคนต้องการทานขนมหวานที่อร่อย สะอาด ถูกสุขลักษณะ หากคุณผิดพลาดเพียงครั้งเดียว นั่นหมายถึงลูกค้าอาจจะไม่มาซื้อขนมหวานร้านคุณอีก

ปัจจัยการเปิดร้านขายขนมหวานที่ควรทราบก่อน

1.จะขายแถวไหน มีคนพลุกพล่านหรือไม่ เช่น ตลาดนัด ตลาดนัดหน้าหมู่บ้าน โรงเรียน มหาวิทยาลัย
2.คุณภาพและรสชาติของขนมหวานของเรา ความสะอาด ความโดดเด่นขนมหวานของเรามีความแตกต่างจากร้านอื่นหรือไม่
3.กลุ่มเป้าหมาย ลูกค้าเช่น นักเรียน คนทำงาน พ่อบ้านแม่บ้าน จะมีรสนิยมในการบริโภคขนมหวานไหม
4.ช่วงเวลาที่คนมาซื้อ ช่วงใด เช้า กลางวัน เย็น
5.ราคาขนมหวาน ไม่ควรตั้งขายจนแพงเกินไป ควรเริ่มที่ 15-25 บาท กำลังดี
6.หน้าร้านของเรา น่าสนใจหรือไม่ สามารถดึงดูดลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน
7.คู่แข่งของเรา อยู่ใกล้เคียงกับร้านเราไหม หากมีควรหลีกเลี่ยงเลย
8.บรรจุภัณฑ์ จะเป็นใส่ถุง หรือถ้วย กล่อง มีความสวยงามดูน่าทานไหม
 

แหล่งจำหน่ายขนมหวาน

จะเป็นตลาดสด ตลาดนัดหน้าหมู่บ้าน เพราะหลังเลิกงานผู้คนมักจะไปหาซื้อ อาหารทานกัน รวมถึงของหวาน ซึ่งการขายบริเวณตลาดสด หรือตลาดหน้าหมู่บ้านจะขายได้ดีกว่าเพราะสามารถขายได้ทุกเพศทุกวัย

เทคนิคการทำขนมหวานไปขายตามตลาดนัด

ควรทำขนมหลาย ๆ อย่างให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ จัดวางขนมหวานให้ดูน่าทาน ตกแต่งร้านให้มีจุดเด่น เพิ่มเติมสีสันให้ดูสวยงาม เพื่อดึงดูดลูกค้าได้
ในการเปิดร้านขายขนมหวาน ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
การเปิดร้านขายขนมหวานต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 2000 -4000 บาท วัตถุดิบในการทำก็หาซื้อได้ตามตลาด หรือห้างขายส่ง  ส่วนวัตถุดิบในการทำขนมหวานที่มีคุณภาพ ไม่ใช่เน้นแต่ว่าจะใช้ของที่มีราคาถูกเดียงอย่างเดียว เพราะของบางอย่างที่มีราคาถูกนั้นคุณภาพแย่มีมาก
หากใช้วัตถุดิบราคาสูง คุณก็สามารถขายขนมหวานในราคาที่สูงตามมาได้ บอกลูกค้าว่าร้านเราใช้วัถุดิบอย่งดีมีคุณภาพ และมีสูตรของหวานของร้านตัวเอง ซึ่งสูตรต่าง ๆ สามารถหหาได้ตามอินเทอร์เน็ตได้ทั่วไป

รายการขนมหวานที่สามารถทำขายได้

มันเชื่อม เผือกเชื่อม กล้วมเชื่อม ลูกชุบ ข้าวเหนียวสังขยา ขนมถ้วย ขนมถั่วดำ  ฟักทองสังขยา ขนมกล้วย ข้าวเหนียวปิ้ง ขนมทองหยิบ ทองหยอด ทุเรียนเชื่อม ลูกเดือยต้ม บัวลอบ เต้าส่วนกะทิ  แกงบวดมันม่วง ทับทิมกรอบ กล้วยบวชชี บัวลอยน้ำขิง

 

และไม่ว่าจะอาชีพใด หากคุณขยัน อดทน ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ใช้วัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ใส่ใจในคุณภาพทุกครั้งที่ทำขนมหวานออกมาให้กับผู้บริโภค ไม่คิดโกง หรือใส่วัตถุดิบที่ด้อยคุณภาพลงไป  รวมถึงการพูดจากับลูกค้าต้องมีความสุภาพอ่อนโยนทุกครั้ง เพื่อที่ลูกค้าจะได้กลับมาเป็นเจ้าประจำของเราตลอดไป  และอย่าลืมคุณห้ามหน้าตาบึ้งบูดเด็ดขาด เพราะไม่มีลูกค้าคนไหนอยากซื้อของกับพ่อค้าแม่ค้าที่หน้าตาไม่รับแขกหรอกค่ะ เพราะมาซื้อนะไม่ได้มาขอ หากคุณอารมณ์ไม่ดี ก็อย่าขาย หรือ ให้คนอื่นขายแทนจะดีกว่า
ขอบคุณเครดิตภาพ shorturl.asia/ckYTw
อ่านบทความเพิ่มเติม www.archeep108.com