การขายต้นไม้ประเภทบอนไซ เป็นช่องทางของอาชีพเสริมที่หลายคนชื่นชอบ โดยผู้ปลูกและขายในกลุ่มนี้อาจเป็นคนที่มีรสนิยมด้านศิลปะควบคู่ ไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนมา เพียงแค่พอจัดองค์ประกอบได้บ้างก็สามารถทำให้รูปทรงต้นบอนไซที่รักของคุณมองดูแล้วมีความสวยงามตลอดเวลา ความตั้งใจของผู้ปลูกต้นไม้ประเภทบอนไซ  มักเริ่มจากความชอบจากงานอดิเรกแล้ว มักซื้อมาจำนวน 1-2 ต้น หลังจากฝึกฝนเรียนรู้จับทางวิธีเลี้ยงจนชำนาญมักเพิ่มจำนวนมากขึ้น เพิ่มประเภทมากขึ้น จนกระทั่งบางรายจากความตั้งใจซื้อมาเพื่องานอดิเรกแต่กลายเป็นเรื่องค้าขายไปเลยก็มี  ควรเริ่มต้นจากหลายวิธี เพื่อบ่มเพาะความรู้พื้นฐาน อาจลองเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำ แต่สำหรับวิธีที่ง่ายที่สุดคือ หาต้นตอจากไม้กระถาง ต้นไม้จากสวน จากป่าในพื้นที่ดิน โดยให้เน้นไม้ยืนต้น ใบเล็ก เป็นหลักแล้วจึงนำมาจินตนาการรูปทรงที่อยากให้เป็น จึงนำมาคัดกิ่ง เข้าลวด แก้ทรง แล้วเลี้ยงต่อยอด รอให้แตกตา แตกกิ่ง วิธีนี้จะช่วยย่นระยะเวลาการรอให้ต้นบอนไซโตแล้ว ยังสามารถฝึกฝนฝีมือ การตอนกิ่ง การปักชำต้นขนาดเล็กสามารถนำมาทำเป็นบอนไซขนาดจิ๋วที่เรียกว่า มาเมะ โชฮินได้ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเนื่องจากไม่ต้องการพื้นที่ตั้งมากนัก รวมถึงยังเป็นงานอดิเรกที่สามารถพกพาไปทำที่ไหนได้ด้วย

การดูแลรักษาใส่ปุ๋ย ให้อาหารแก่ต้นบอนไซ

การดุแลรักษาให้ดูแข็งแรง ทำความเข้าใจเกี่ยวกับบอนไซว่าเลี้ยงไม่ยาก ความจริงบอนไซอดทนกว่าต้นไม้ทั่วไป อดทนกว่าไม้ดอก ไม้ล้มลุก หรือไม้กระถางเสียด้วยซ้ำ เพียงแต่ควรเข้าใจในเรื่องสำคัญเพียงไม่กี่เรื่อง เช่น แดด น้ำ อากาศ สภาพดิน เป็นต้น บอนไซ แต่ละชนิดมีความต้องการแตกต่างกันไป ผู้เลี้ยงบอนไซจึงควรทำความรู้จักกับแต่ละสายพันธุ์ที่ตัวเองสนใจ โดย­หลักๆ แล้ว ปุ๋ยที่ใช้ควรเน้นไปทางชีวภาพ เพื่อต้องการรักษาสภาพดิน เนื่องจากบอนไซมีพื้นที่จำกัดอยู่ในกระถาง โดยปกติจะใส่ปุ๋ย­เดือนละครั้ง เป็นสูตร­ปกติทั่วไป 16-16-16 ส่วนมากเปลี่ยนดินประมาณ 2-3 ­ปี ต่อครั้ง ยกเว้นพวกที่­โตไวมากๆ เช่น เพรมน่า ต้องเปลี่ยนปีละครั้งบอนไซที่มีเกือบทั้งหมดจะเป็นไม้ยืนต้นที่นำมาจำลองไว้ในกระถาง แล้วเลี้ยงดูแบบจำกัดพื้นที่ ควรดูแลเรื่องน้ำ แดด อาหาร ควรให้มีความสมดุลและต้องเข้าใจในแต่ละสายพันธุ์ บางสายพันธุ์ต้องการการปรับตัวและดูแลมากหน่อย เช่น พวกตระกูลสนญี่ปุ่น เนื่องจากไม่ได้โตมาในบ้านเรา จึงจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องแดด น้ำ อาหาร  แต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ของบอนไซในบ้านเราแล้ว เช่น เพรมน่า มะขาม เข็ม โมก มะสัง พวกนี้อย่างที่เรารู้กันว่าอดทนมาก และไม่ต้องอาศัยปัจจัยมากมายในการปรับตัวหรือดำรงชีวิตในบ้านเรา ผู้ที่สนใจเริ่มต้นเลี้ยงบอนไซ จึงแนะนำให้เริ่มจากสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย ราคาไม่แพง อดทน และโตไวก่อน

ปัญหาของบอนไซ เกิดจากอะไรบ้าง

ปัญหาของบอนไซมักเกิดจากโรคเกี่ยวกับ แมลงต่างๆ แล้วแต่ละสายพันธุ์ บางสายพันธุ์มีความอดทนสูง และเนื้อแข็งจนเรียกว่าหายห่วงจากแมลงต่างๆ ถ้าจะห่วงคือเรื่องรากเน่าจากเชื้อราอันเป็นผลมาจากภายในกระถางมีความชื้นหรือน้ำไม่ระบาย ซึ่งการผสมดินที่ระบายน้ำจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ดี บางชนิดพวกไม้เนื้ออ่อน โตไว แต่ต้องระวังเรื่องเพลี้ย และแมลงต่างๆ เช่น พวกเพรมน่า เป็นต้น ทั้งนี้ ควรเน้นการป้องกันมากกว่าการแก้ไข เพราะฉะนั้น การดูแลเอาใจใส่ หมั่นสังเกตอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้บอนไซมีความแข็งแรง

จุดอ่อนการเพาะปลูกและเลี้ยงบอนไซอยู่ที่ใด

ส่วนมากจุดอ่อนจะอยู่ที่มีความค่อยไม่เข้าใจของผู้เลี้ยง เมื่อไม่เข้าใจก็จะเริ่มต้นที่การเลือกซื้อสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับผู้เลี้ยง เพราะถ้ารู้ว่าไม่ค่อยมีเวลา ยิ่งจำเป็นที่จะต้องเลือกพันธุ์ให้เหมาะสม เช่น สายพันธุ์ที่อดน้ำได้ในระยะเวลาสั้นๆ สายพันธุ์ที่ไม่ต้องการการดูแลตลอดเวลา สายพันธุ์ที่ไม่อ่อนไหวต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง สิ่งเหล่านี้ผู้เลี้ยงต้องถามตัวเองก่อนแล้วจึงไปเลือกสายพันธุ์  ลูกค้าบางท่านอยู่ในบ้านหรือคอนโดฯ ที่แสงแดดเข้าไม่ถึง แต่อยากเลี้ยงบอนไซตระกูลสนญี่ปุ่น ที่ต้องอาศัยแสงแดด การหมุนเวียนของลมก็อาจจะไม่เหมาะสม ควรบอกลูกค้าที่แวะเวียนมาให้แง่คิดเสมอเรื่องการแยกแยะระหว่างความชอบส่วนตัวกับความเหมาะสมสภาพบรรยากาศของสถานที่ที่เลี้ยง

จุดเด่นของบอนไซอยู่ตรงไหน 

บอนไซคืองานศิลปะ เป็นงานที่ให้ความสุข จึงต้องการสะท้อนสิ่งเหล่านี้ออกมาในความเป็นบอนไซ นอกจากนั้นแล้วยังเน้นเรื่องการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า พร้อมที่จะให้คำแนะนำปรึกษาได้ตลอดเวลา บางกรณีที่ลูกค้ารับไปแล้วเลี้ยงมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เจ้าของร้านยินดีรับผิดชอบเพราะไม่เน้นต้องการเพียงแค่ขาย แต่ต้องการให้ลูกค้ามีบอนไซที่สวยถูกใจ มีความสมบูรณ์ทั้งรูปทรงและกิ่งก้านใบเพราะมองว่าทุกต้นเป็นของที่สะสมได้ สามารถเลี้ยงแล้วทำให้เกิดความเพลิดเพลิน คลายเครียด ช่วยยืดอายุได้

ขยายการตลาดธุรกิจบอนไซอย่างไร

คนที่มีความสนใจและรักบอนไซเหมือนกันมีโอกาสมาร่วมทำกิจกรรมและเรียนรู้ทำบอนไซไปด้วยกันเป็นเหตุผลที่สามารถทำการตลาดอะไรเป็นพิเศษ บอนไซเป็นของสะสมที่มีมูลค่าทางใจมากกว่าการขาย เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนต้นที่เพาะปลูกเลี้ยงไว้ยิ่งมากขึ้น ขณะเดียวกัน พื้นที่เดิมคับแคบลง จึงมีความจำเป็นต้องตัดใจขายเพื่อเปิดโอกาสให้ต้นบอนไซมีการพัฒนารูปทรงใหม่เข้ามาเติมเต็ม ถือว่าเป็นการสร้างรายได้อย่างดี เนื่องจากขายราคาไม่สูง มีหลายราคา การกำหนดราคาขายไม่สามารถระบุได้ชัดเจนลงไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นรูปทรง อายุ สายพันธุ์ เพราะบางครั้งต้นเล็กเท่าฝ่ามืออาจมีราคาสูงกว่าต้นใหญ่เท่าเอว เนื่องจากระดับราคาที่ขายมีตั้งแต่หลักพันไปถึงหลักแสน ถ้าลูกค้าถูกใจสามารถตกลงราคากันได้

คนเริ่มธุรกิจบอนไซใหม่ควรทำอย่างไร

ควรเริ่มจากหาข้อมูลเบื้องต้นก่อน เดี๋ยวนี้ข้อมูลเข้าถึงง่ายมากจากเทคโนโลยี สามารถหาดูวิธีการเลี้ยง การดูแล และการขยายพันธุ์ทำได้ไม่ยาก เมื่อก่อนการเข้าลวดแต่ละกิ่งยังต้องลองผิดลองถูก เพราะฉะนั้น แนะนำผู้ที่สนใจเริ่มเลี้ยง ควรศึกษาให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นความเหมาะสมของสถานที่ สายพันธุ์ที่เหมาะสม มีเวลาเพียงพอในการดูแลแค่ไหน  อาจจะลองเริ่มเลี้ยงจากสายพันธุ์ที่อดทน เลี้ยงง่าย โตไว ในราคาไม่แพงดูก่อน หลังจากนั้นค่อยต่อยอดไป ที่สำคัญเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมั่นใจว่าสามารถปรึกษาผู้ขายได้ ทั้งนี้ ที่สวนมักมีกิจกรรมทำบอนไซกันอยู่ตลอดเวลา และหากไม่ลำบากสามารถเดินทางมาร่วมกิจกรรมกันได้

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขายบอนไซคือ ความซื่อสัตย์ บนความรับผิดชอบ ทางร้านควรจะแนะนำบางอย่างที่ไม่เหมาะสม เพราะไม่ได้หวังรายได้จนลืมความซื่อสัตย์ ต้องการให้ลูกค้าทุกท่านเป็นเพื่อนกัน อยากให้ แลกข้อมูลข่าวสารในเรื่องประสบการณ์ระหว่างกัน เพราะบอนไซเป็นงานศิลปะชนิดหนึ่งที่ไร้ขีดจำกัด

Creditภาพ by https://www.fun-japan.jp/th/articles/9436
https://www.pinterest.com/pin/34726982126274891/ 
http://www.bonsaibaison.com/%