ร้านวัสดุก่อสร้าง คือ ร้านค้าที่จำหน่ายวัสดุก่อสร้างหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับในการก่อสร้างบ้านนั่นเอง  ไม่ว่าจะเป็น อิฐ หิน ดิน ปูน ไม้ กระเบื้อง  แล้วแต่ร้านค้าวัสดุก่อสร้างไหนจะลงให้ครบวงจรในร้านเดียวไปเลย และรวมถึงเหล็กเส้น เหล็กรูปพรรณ สุขภัณฑ์ กระเบื้องปูพื้นอีกด้วย  เรียกว่ามาร้านเดียว สามารถปลูกบ้านได้ทั้งหลังไปเลย

แต่ปัจจุบันร้านวัสดุก่อสร้างมีเยอะแยะเต็มไปหมด ในแต่ละอำเภอมีหลักสิบร้าน  และร้านวัสดุก่อสร้างแต่ละร้านต้องแข่งกันเอง ไหนจะต้องแข่งกับร้านโฮมโปร  , ไทวัสดุ , โกลบ้อลเฮ้าส์อีกด้วย  แต่ห้างร้านใหญ่เขามีเที่ยวส่งมีน้ำหนักของเขา  ถ้าไม่ถึงน้ำหนักหรือเต็มที่ร้านพวกโฮมโปร , ไทวัสดุ จะคิดค่าขนส่งทันที  ซึ่งต่างจากร้านวัสดุที่ไม่อิงกับห้างใด ๆ ทั้งสิ้น  ของเต็มที่เที่ยวเขาก็ส่งไม่เต็มเที่ยว ปูนซีเมนต์ 10 – 20 ลูก ร้านวัสดุก่อสร้างก็เอารถกระบะออกไปส่งให้ลูกค้า

ร้านวัสดุก่อสร้างถ้าสินค้าตัวไหนไม่มี  ทางร้านไม่มีก็จะไปโป๊วสินค้าจากร้านวัสดุเพื่อนบ้านกัน เช่น อิฐบล็อคไม่ได้ลงหรือไม่ได้ทำเอง  ก็สั่งจากร้านอื่น ๆ ไปส่งให้ในนามร้านตัวเอง  แล้วบวกค่าส่งเพิ่มนิดหน่อย  เพื่อให้ได้ลูกค้า

ยุคปัจจุบัน ลูกค้าซื้อวัสดุก่อสร้างเป็นหลัง ๆ จบที่ร้านเดียวหาได้ยาก เพราะเศรษฐกิจฝืดเคือง  เมื่อก่อนเคยขายลูกค้าได้กระเบื้องเป็นหลัง ๆ ปี ๆ หนึ่งขายได้หลายหลัง ตอนนี้ปีนึงแทบจะไม่มี  เพราะลูกค้าต่างประหยัดเงินในกระเป๋าตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ซื้อแค่ปูน 10 – 20 ลูก หรือกว่าจะซื้อของได้เช็คราคาแต่ละร้าน  และกระจายซื้อแต่ละร้าน  ถ้าไม่ใช่ช่างที่ซื้อสินค้ากับร้านประจำ  เดี๋ยวนี้ก็จะมีแต่ขาจรเท่านั้นแหละ

ดังนั้นร้านวัสดุก่อสร้างจึงจำเป็นต้องลงสินค้าอย่างอื่นควบคู่กันไปด้วยเช่น  ปูนขาว , เครื่องมือช่างต่าง ๆ หรือลงพวกประตูหน้าต่าง  ๆ อลูมิเนียม หรือลงเครื่องผสมสีทาบ้านเอง  เพื่อให้ลูกค้าซื้อสีที่ร้านตัวเอง  และจะได้สะดุดตากับสินค้าตัวอื่น ๆ  จะได้ซื้อสินค้าตัวอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วยนั่นเอง

บางร้านวัสดุก่อสร้างเท่าที่ผมเห็น ไม่ได้ขายเครื่องมือช่าง ๆ ผ่านทางหน้าร้านอย่างเดียว  ยังเปิดหน้าร้านขายออนไลน์ผ่านทางอีคอมเมิร์ชชื่อดังอีกด้วย

นอกจากนี้ท่อประปาบางร้านก็มีขาย  หรือไม่ก็มีขายพวกสายไฟ หลอดไฟ โคมไฟอีกด้วย  เพื่อให้ครบวงจรไปเลย ร้านเดียว  ผมว่าอีกหน่อยการแข่งขันกันด้านร้านวัสดุก่อสร้างคงจะดุเดือดมากขึ้นกว่าน้เป็นแน่ ขึ้นอยู่กับว่าเงินทุนใครหนากว่ากัน  และเปิดมานานกี่สิบปี ฐานลูกค้าเยอะแค่ไหน  มีหน้าตาหน้าร้านสวยงาม ดึงดูดลูกค้าได้มากแค่ไหน  ร้านค้าใหญ่โตน่าเข้าหรือไม่

ติดตามอาชีพเสริมอื่นๆได้ที่ อาชีพเสริม