สาคู-ข้าวเกรียบปากหม้อ อาชีพทำเงิน อาหารว่างของบ้านเราที่นิยมทานกันอย่างแพร่หลาย ใช่แล้วเรากำลังพูดถึง สาคูไส้หมู – ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมโบราณธรรมดา ๆ กี่ยุคกี่สมัยก็ยังหารับประทานได้ เพราะเป็นขนมที่รับประทานง่าย รสชาติอร่อย รูปลักษณ์สวยงามน่าทาน เราจะเห็นขนมชนิดนี้ใช้รับรองแขกตามงานต่าง ๆ
พ่อค้าแม่ค้าที่สนใจประกอบอาชีพขายสาคูไส้หมู-ข้าวเกรียบปากหม้อ สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยอุปกรณ์การลงทุนไม่มาก เงินลงทุนน้อย แต่ได้กำไรดี ถ้าเช่นนั้นเรามาดูกันว่าจะเริ่มต้นอาชีพนี้อย่างไรให้ขายดิบขายดี
อุปกรณ์หลัก ๆ
กระทะทองเหลือง, หม้อลาวทรงสูง, เตาแก๊ส, ทัพพี, กระชอน, ไม้พาย, ถาดอ่างผสม, ผ้าขาวบาง, ภาชนะต่างๆ ที่ใช้ในครัวเรือน
วัตถุดิบ
สาคูเม็ดเล็ก 1 กก. ถั่วลิสงคั่วบด 4 ถ้วยตวง, หัวหอมแดงสับ 2 ถ้วยตวง, ไชโป๊หวานสับ 2 ถ้วยตวง น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วยตวง, ซี่อิ้วขาว, พริกไทยเม็ดดำ 2 ช้อนโต๊ะ, รากผักชี 4-5 ราก, กระเทียม 6 กลีบ, เกลือป่น, น้ำมันพืช และ กระเทียมเจียว
ผักเคียงที่ใช้รับประทานกับขนมสาคู มีผักกาดหอม ผักชี พริกขี้หนูสวน
การลงทุนสาคู-ข้าวเกรียบปากหม้อ
ทุนเบื้องต้น ประมาณ 10,000 บาท
ทุนวัตถุดิบ ประมาณ 60% ของราคาขาย
รายได้ ขาย 30 บาท/ชุด
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ร้านของฝาก งานอีเวนต์ ตลาดปากซอยหน้าหมู่บ้าน
จุดน่าสนใจ ปรับสูตรขายได้ตามเทศกาล
ราคาขาย ขายชุดละ 20-30 ยาท ถ้าเป็นสาคูจะมี 10 ลูก ข้าวเกรียบปากหม้อ 8 ชิ้น
ขั้นตอนการทำ
เริ่มจากการเตรียมไส้ก่อน ทำการโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย รวมกัน ตั้งกระทะน้ำมันไฟปานกลาง พอกระทะร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้แล้ว ลงผัดให้หอม จากนั้นใส่หอมแดงสับลงไปผัดให้หอม ใส่ไชโป๊หวานสับลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปิ๊บ ซี่อิ้วขาว และ เกลือ ผัดไปเรื่อย ๆ ให้ส่วนผสมในกระทะข้นเหนียว แล้วค่อย ๆ นำถั่วลิสงคั่วบดที่เตรียมไว้ใส่ตามลงไป ผัอต่อด้วยไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมแห้งและเหนียว ปิดไฟตักส่วนผสมใส่ภาชนะพักไว้ให้เย็น
นำเม็ดสาคูไปแช่น้ำประมาณ 1 ชั่วโมง ถึงเวลากรองน้ำด้วยผ้าขาวบาง บิดจนหมาด ๆ เทใส่ภาชนะจะเห็นได้ว่าสาคูเริ่มพองตัว ต่อจากนั้นให้ขยำเม็ดสาคูพอให้ติดกัน ขั้นตอนนี้ห้ามนวด ไม่งั้นสาคูจะเหนียวเกินไป แล้วนำมาปั่นได้
ในการปั้นใช้มือหยิบสาคูมาแผ่ออก ใส่ไส้ แล้วจับจีบบิดไส้ให้มิด ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ จนหมด นำหม้อลาวทรงสูงปากกว้างขึงด้วยผ้าขาวบางให้ตึง เปิดริมผ้าด้านนึงประมาณ 2 ชม. ให้ไอน้ำพุ่งขึ้นมาได้ เติมน้ำเปล่าลงไป 1/3 ของหม้อ และต้มให้เดือด นำสาคูที่ได้วางเรียงบนผ้าขาวบาง
ปิดฝาประมาณ 10 นาที เปิดฝาเช็คดู พอเห็นสาคูเริ่มใส บางส่วน ถือว่าใช้ได้ ตักใส่ถาด ที่มีน้ำมันพืช เคล้าพอทั่วเพื่อไม่ให้สาคูติดกัน
ในการทำแป้งข้าวเกรียบปากหม้อ ผสมแป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า ½ ถ้วย น้ำดอกอัญชัน หรือ น้ำใบเตยประมาณ ½ ถ้วย นวดส่วนผสมให้เข้ากัน ตักแป้งครึ่งทัพพีเทลงบนผ้าขาวบาง ให้ทัพพีเกลี่ยแป้งให้บาง ปิดฝาไว้ 20 วินาที แป้งสุกใช้ไม้พายกรีดแป้งให้ได้ 4 ส่วน หยิบไส้วางลงบนแป้งแต่ละส่วน ใช้พายปาดแผ่นแป้งหุ้มให้ทั่วไส้ ตักขึ้นพักไว้ในถาดที่มีน้ำมัน เวลาทานให้โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว รับประทานคู่กับผักกาดหอม ผักชี พริกขี้หนู
ข้าวเกรียบปากหม้อไส้ผัก
ส่วนผสม
หมูสับ 500 กรัม
ผักกุยช่าย 2 กิโลกรัม
กระเทียมสับละเอียด 500 กรัม
เกลือป่น ½ ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.นำหมูลงผัดในกระทะ หลังเจียวกระเทียมจนเหลือง จากนั้นใส่ผักที่หั่นท่อน ประมาณครึ่งเซนติเมตร
2.ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ใส่เกลือแทนน้ำปลา เพราะน้ำปลาจะทำให้ผ้าแดงดูไม่น่ากิน และเกลือมีรสชาติดีกว่า ไส้ผักจะผัดวันต่อวัน ผัดตอนเช้ามืดก่อนออกขาย หากผัดค้างคืนผักจะไม่หวาน และอาจบูดเสียได้
น้ำจิ้มมีส่วนผสมดังนี้
ซี่อิ้วเค็ม ครึ่งขาด ขนาด 20 ลูกบาศก์เซนติเมตร
น้ำตาลทราย 500 กรัม
น้ำส้มสายชู 2/3 ขวด ขนาด 240 มิลลิเมตร
Leave A Comment