อาชีพ ขาย หมูสะเต๊ะ ต้องเริ่มต้น อย่างไร จึงจะไปรอด

 

อาชีพ ขาย หมูสะเต๊ะ ต้องเริ่มต้น อย่างไร จึงจะไปรอด  หมูสะเต๊ะ ขึ้นชื่อมาก็น้ำลายไหลกันแล้ว ด้วยเมนูนี้มีเอกลักษณ์คือเนื้อหมูนุ่ม ๆ ไม้เล็ก ๆ พอดีคำ กลิ่นหอมจากเตา ทานคู่กับน้ำจิ้มที่เข้มข้น ที่ส่วนใหญ่รับประทานเป็นอาหารว่าง อาหารทานเล่น พอได้กินจริง ๆ ก็เพลินกับรสชาติที่อร่อยจนไม้สุดท้าย
หมูสะเต๊ะ เป็นธุรกิจที่ลงทุนไม่สูงนัก ลูกค้ามีความต้องการทานกันมากอยู่ ไม่ว่าจะเปิดร้านที่ไหน ก็ทำได้ไม่ยาก อุปกรณ์ไม่มาก และถ้าย่านไหนไม่มีร้านหมูสะเต๊ะประจำการอยู่ รับรองว่าขายดีแน่นอน

อาชีพขายหมูสะเต๊ะ ต้องเริ่มต้นอย่างไรจึงจะไปรอด

1.รู้วิธีการทำหมูสะเต๊ะ หรือ มีสูตรเฉพาะ

การจะขายอาหารอะไรสักเมนู เราต้องทำเองได้ มีสูตรเฉพาะของร้าน หากเป็นเมนู หมูสะเต๊ะ ที่สำคัญเลยคือการหมักหมูที่ต้องมีเทคนิคทำอย่างไรให้หมูสะเต๊ะนุ่ม หอม เครื่องเทศที่เข้าไปในเนื้อหมู รวมถึงการทำน้ำจิ้มอาจาด ที่กลมกล่อม ที่ต้องทานคู่กันขาดไม่ได้เลย

 

2.มีอุปกรณ์การขายพร้อม

การขายหมูสะเต๊ะให้สมบูรณ์ก็ต้องมีอุปกรณ์พร้อมด้วยเช่นกัน เช่น เตาปิ้งหมูแบบยาว โต๊ะ ตู้กระจก ไม้เสียบหมู ถุงบรรจุน้ำจิ้ม ถาดรองหมูสะเต๊ะ ที่เหลือก็ลองดูว่าควรต้องมีอุปกรณ์อะไรเพิ่มเติมในการเปิดร้านได้อีก

 

3.หาแหล่งวัตถุดิบในการทำหมูสะเต๊ะ

สิ่งสำคัญที่จะทำให้หมูสะเต๊ะอร่อยและขายดี คือการหาแหล่งวัตถุดิบที่ต้นทุนถูก คุณภาพของเนื้อหมูสะสะอาดใหม่อยู่เสมอ ที่ส่วนใหญ่ใช้บริเวณสันใน เราควรมีแหล่งเนื้อหมูที่ได้คุณภาพสูงและราคาไม่แพงช่วยลดต้นทุนได้มาก รวมถึงวัตถุดิบในการหมักและทำน้ำจิ้มเช่น ผงกระหรี่ นมสด สีผสมอาหาร น้ำตาล ถั่วลิสง กะทิ แตงกวา เป็นต้น

4.ทดลองทำหมูสะเต๊ะทานดูก่อน หรือแจกให้เพื่อน ๆได้ลองทาน

เมื่อมีสูตรการทำหมูสะเต๊ะแล้ว โดยปกติคือในครั้งแรก ๆ ที่ทำรสชาติอาจจะยังไม่คงที่ นอกจากทดลองทานเองแล้วควรแจกให้เพื่อน ๆ ได้ลองทานแล้วถามความจริงถึง หมูสะเต๊ะ ที่เราทำว่าพอขายได้หรือยัง รสชาติดีไหม อร่อยไหม ผ่านไหม  หากไม่อร่อยให้ปรับเปลี่ยนสูตรใหม่ แล้วทำให้เพื่อนทานหลาย ๆ คนด้วยนะ แล้วลงความเห็นกัน จึงค่อยทำขายจะดีที่สุด

5.หาทำเลที่ดีที่สุด

ทำเลที่เหมาะสมสำหรับการขายหมูสะเต๊ะ ทำเลทั่วไปคือมีผู้คนพลุกพล่านในตลาด ใกล้โรงเรียน หรือ เช่าหน้าร้านขายอาหาร ซึ่งข้อดีของทำเลพลุกพล่านจะทำให้เราขายหมูสะเต๊ะได้ในปริมาณมาก เพราะปกติลูกค้าจะสั่งกันเป็นชุด ๆ ชุดละ 10 ไม้ 20 ไม้ ในราคา 30-50 บาท

 

6.ทำการตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น

นอกจากมีทำเลที่ดีแล้ว เราควรเพิ่มช่องทางการขายในออนไลน์ ทำการติดต่อกับธุรกิจเดลิเวอรี่เพื่อจัดส่งให้ลูกค้าถึงหน้าบ้าน เพื่อเพิ่มช่องทางการขายได้หลายเท่าตัว หรือ เข้าไปติดต่อกับร้านอาหารเพื่อส่งหมูสะเต๊ะเป็นออร์เดิฟให้ลูกค้าได้ทานเล่นก่อน
ต่อมาคิดเรื่องต้นทุนกำไร มาคำนวณกันง่าย ๆ สำหรับการเปิดร้านหมูสะเต๊ะ
**ต้นทุนหลัก ๆ ของร้านหมูสะเต๊ะจะอยู่ที่วัตถุดิบ เช่นเนื้อหมูสันใน และค่าอุปกรณ์หลักอย่างเตาปิ้งย่าง
**เตาปิ้งย่างแบบยาวที่ใช้ราคาประมาณตัวละ 200-300 บาท
**เนื้อหมูสันใน ราคาประมาณ 120-150 บาท เนื้อหมูใช้ 1 กก. ทำหมูสะเต๊ะได้ประมาณ 200-300 ไม้
**วัตถุดิบอื่น ๆ เช่น กะทิ สีผสมอาหาร แตงกวา ผงกะหรี่ พริก ถั่งลิสง ไม้เสียบหมู ถุงพลาสติก รวมถึงต้นทุนของวัตถุดิบอื่น ๆ อีกประมาณ 500 บาท
**รวมทั้งหมดในการเปิดร้านใช้งบลงทุนครั้งแรกประมาณ 1,000 – 1,500 บาท ไม่รวมค่าเช่าสถานที่ ฃ
**ราคาขายของหมูสะเต๊ะเฉลี่ยประมาณไม้ละ 3-5 บาท หากเนื้อหมู 1 กก. ทำหมูสะเต๊ะได้ประมาณ 300 ไม้ จะมีรายได้ประมาณ 1,000 – 1,500 บาท ถือว่าสูสีกับต้นทุนในครั้งแรก แต่อย่าลืมว่าเราซื้อเตาย่างเพียงครั้งเดียว วัตถุดิบอื่น ๆ ก็ใช้ได้หลายครั้ง
**ในการขายครั้งต่อไปจะทำให้กลายเป็นกำไรได้ไม่น้อยกว่า 50%  ซึ่งหากเรามีลูกค้ามากขึ้น จะขายได้ในปริมาณมาก ๆ รายได้ก็ยิ่งมากขึ้น
หากจะให้ดีในการเปิดร้านหมูสะเต๊ะ ต้องเรียนรู้เทคนิคการทำหมูสะเต๊ะและเทคนิคการบริหารจัดการร้านควบคู่กันไป ถ้าเทคนิคการทำเราดี หมูสะเต๊ะอร่อย สามารถบริหารจัดการร้านให้ถูกใจลูกค้าได้ จะช่วยเพิ่มจำนวนลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรได้มากขึ้น ซึ่งต้องบอกเลยว่า หมูสะเต๊ะไม้เล็ก ๆ ธรรมดา ๆ อาจทำให้เรามีรายได้เพิ่มมากขึ้น
อย่าลืมขั้นสุดท้ายคือ ต้องซื่อสัตย์ต่อลูกค้าเสมอ ใช้วัตถุดิบที่สดสะอาดใหม่เสมอทุกวัน การพูดจากับลูกค้าต้องสุภาพอ่อนโยน มีลดบ้าง แถมบ้าง เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกว่าตัวเองได้ซื้อหมูสะเต๊ะร้านนี้แล้วได้มากกว่าร้านอื่น ๆ เค้าก็จะกลับมาซื้อหมูสะเต๊ะกับเราประจำ เราก็จะขายได้ดีทุกวันมีรายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่องและอย่างมั่นคง
ขอบคุณเครดิตภาพ shorturl.asia/wIW7y
อ่านบทความเพิ่มเติม www.archeep108.com