กุ้งก้ามกรามหรือกุ้งแม่น้ำมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ ว่า Macrobrachium rosenbergii  สามารถพบได้ทั่วไปแถวพื้นที่เขตร้อนของอินโด แปซิฟิกจากอินเดียถึงอเซียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงทางตอนเหนือของออสเตรเลียเป็นกุ้งน้ำจืด มีชื่อเรียกมากมายเช่น กุ้งหลวง ส่วนที่พบในประเทศไทยนั้น เป็นชนิดเดียวกันที่พบแถบปัวนิกินี กุ้งก้ามกรามเป็นกุ้งที่คนไทยมักนำมาประกอบอาหารต่างๆ เช่นกุ้งย่าง ทานกับน้ำจิ้มซีฟุ้ด ต้มยำกุ้ง กุ้งก้ามกรามอบเนย กุ้งผัดพริกไทยดำ มีเนื้อแน่น มีมันเยอะ ตัวใหญ่สุดประมาณ 24 เซนติเมตร น้ำหนักราวๆ เกือบ1 กิโลกรัม  มีราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันคนไทยมักเลี้ยงกันเพื่อประกอบอาชีพ สร้างรายได้มากมาย ตัวของกุ้งก้ามกรามจะมีสีฟ้าแก่อมม่วง  มีก้ามยาวมีสีฟ้าแก่อมม่วง มีปุ่มอยู่บริเวณก้าม ชอบอาศัยอยู่ลำคลองหรือแม่น้ำ มีอยู่ในประเทศไทยจะพบมากแถบภาคกลางและภาคใต้ อยู่ได้ทั้งน้ำจืดและน้ำกร่อย ชอบวางใข่ในน้ำกร่อยไปจนถึงเค็มมาก  ชอบกินไส้เดือน ลูกปลา ตัวไร ลูกน้ำ ซากสัตว์ แม้กระทั่งกินพวกเดียวกัน  ในเวลาฤดูหนาวจะพบเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันในแม่น้ำลำคลองมีจำนวนกุ้งลดน้อยลง เนื่องด้วยมีคนไปจับกันมาประกอบอาหารอยู่บ่อยๆ  เกษตรกรหลายๆจังหวัดของไทย หันมาเพราะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามขายกัน เช่น จังหวดฉะเชิงเทรา นครปฐม อยุธยา สมุครสาคร  ราชบุรี

     การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามสร้างรายได้ให้เกษตรกร

การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามนั้นปัจจุบันเกษตรกร ได้นำท่อซีเมนต์ขนาดใหญ่มาดัดแปลงเป็นบ่อเพื่อใช้ในการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม สามารถเลี้ยงได้เป็นจำนวนมาก ลดต้นทุนในการขุดบ่อใหญ่ๆ  เกษตรกรมักเลี้ยงไว้ในบ่อซีเมนต์เป็นจำนวนมาก เพื่อจำหน่ายในปริมาณมากๆ  กุ้งก้ามกรามถือว่าเป็นกุ้งที่ตลาดและร้านอาหารมีความต้องการมากอย่างต่อเนื่อง เมื่อตลาดมีความต้องการมาก จึงทำให้ราคาของกุ้งก้ามกรามนั้นสูงขึ้นไปตามด้วย ซึ่งปัจจุบันราคาของกุ้งก้ามกรามอยู่ที่กิโลกรัมละ  500 – 1000 บาท

       วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อซีเมนต์

  • เริ่มจากการเตรียมท่อซีเมนต์ไว้โดยให้เรียงท่อซีเมนต์ไว้ในที่ร่ม จากนั้นให้เทพื้นด้วยปูนของท่อซีเมนต์ ที่สามารถเก็บน้ำไว้ในบ่อซีเมนต์ได้ ต่อท่อระบายน้ำ  รอให้ปูนแห้งประมาณ  7 วัน หลังจากนั้นให้เติมน้ำลงในท่อซีเมนต์ให้เต็ม ใส่ต้นกล้วยที่ตัดเป็นท่อนและเกลือลงไปในท่อซีเมนต์แช่ทิ้งไว้ 15 วัน  สามารถฆ่าเชื้อโรคต่างๆหมดไป และปรับค่า PH ที่มีอยู่ในท่อซีเมนต์ให้สมดุล
  • หลังจาก 15 วันแล้ว ปล่อยน้ำออก นำต้นกล้วยออก ทำความสะอาดท่อซีเมนต์ด้วยน้ำที่สะอาด
  • เติมน้ำลงในท่อซีเมนต์ ที่ทำความสะอาดไว้แล้ว หว่านเกลือลง นำท่อน้ำ PVC ลงไปเพื่อเตรียมไว้.ห้เป็นที่อยู่ของกุ้ง วางก้อนหิน หรือกระเบื้อง ให้สูงเสมอผิวน้ำ เป็นที่ไว้ให้กุ้งขึ้นมาลอกคราบ ต่อสายยางวางไว้นท่อแล้วปล่อยออกซิเจนไว้ในท่อซีเมนต์ ซักประมาณ 2 วัน
  • เลือกพันธุ์ลูกกุ้งก้ามกรามขนาดยาวประมาณ 5 เชนติเมตร ตัวละ 5-10 บาท โดยประมาณ  เพราะลูกกุ้งขนาดนี้จะมีความแข็งแรง และปราดเปรียว เหมาะในการเลี้ยง สำหรับบ่อท่อซีเมนต์นั้น มีความกว้างไม่มากสามารถเลี้ยงได้บ่อละ 50 ตัว
  • เมื่อเตรียมท่อและน้ำไว้พร้อมแล้วให้นำพันธุ์กุ้งที่อยู่ในถุงลงไปแช่ทั้งถุงในท่อที่เตรียมไว้ซัก 1 ชั่วโมง เพื่อปรับอุณภูมิของน้ำในอยู่ในถุงและในท่อซีเมนต์ให้สมดุลกัน จากนั้นค่อยๆวิดน้ำเข้าไปในถุงทืละน้อยเพื่อให้กุ้งปรับสภาพน้ำ เวลาปล่อยลงในท่อ กุ้งได้ไม่น๊อคน้ำ แนะนำว่าควรปล่อยตอนเช้าหรือตอนเย็น เพราะอากาศไม่ร้อน
  • ปล่อยกุ้งพักไว้ 1 วัน พอวันที่ 2 ค่อยให้อาหารแก่กุ้ง การให้อาหารกุ้งในช่วงแรกควรให้ประมาณ 2ช้อนต่อ 1ท่อก็พอ หว่านไปให้ทั่วๆท่อ ควรให้อาหารช่วงค่ำๆ เพราะกุ้งจะออกมากินอาหารช่วงนั้น อย่าให้อาหารเยอะจนเกินไป เพราะถ้ากุ้งกินอาหารไม่หมด เศษอาหารที่เหลือจะทำในน้ำเน่า
  • ทำอย่างนั้นไปซักระยะ คอยสังเกตดูกุ้งจะขึ้นมาลอกคราบแล้ว แสดงว่ากุ้งเริ่มโต มีขนาดตัวใหญ่ขึ้น ให้เริ่มเปลี่ยนอาหารกุ้งเสียใหม่ เป็นอาหารสำหรับกุ้งขนาดกลาง ต่อจากนั้นให้อาหารสำหรับกุ้งขนาดใหญ่เป็นไปตามขั้นตอนต่อไป
  • เลี้ยงกุ้งก้ามกรามได้ประมาณ ซัก 5-8 เดือน กุ้งจะมีขนาดใหญ่ สามารถจับขาย แต่ถ้าอยากขายกุ้งให้ได้ราคาดีๆควรเลี้ยงไว้ซัก 8 เดือน

      น้ำที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม

  • น้ำถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ น้ำที่ใช้ในการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามนั้น ควรปรับค่าของน้ำให้อยู่ที่ 7-8 PH และควรระวังเรื่องของการให้ออกซิเจนอยู่ตลอดเวลาด้วย เพราะถ้าไฟฟ้าดับนานเกินไป1 ชั่วโมง ก็ทำให้กุ้งก้ามกรามที่เลี้ยงพากันตายเสียหมด ควรหาเครื่องปั่นไฟเตรียมไว้ด้วย
  • อุณภูมิของน้ำควรอยู่ที่ 28 องศาเซลเซียส ไม่ควรต่ำไปกว่านั้นเพราะจะทำให้กุ้งกินอาหารได้น้อย โตช้าไปด้วย

 การขายและผลกำไรจากการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม

เมื่อเลี้ยงกุ้งผ่านไปซัก 6 เดือน เจ้าของกุ้งจะขายส่ง สามารถเลือกคละกุ้งไม่ว่าจะเป็นตัวเมียหรือตัวผุ้ขายได้ประมาณ กิโลกรัมละ 300 บาท หากขายแต่ตัวผุ้ จะขายได้กิโลกรัมละ 200 -300 บาท  ส่วนตัวเมียกิโลกัมละ 200-250 บาท ทั้งนี้ราคาแล้วแต่ความต้องการของตลาดและปัจจัยในการเลี้ยงด้วย

อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามถือว่าเป็นการสร้างอาชีพหลัก สร้างรายได้ให้แก่เกษตรได้ไม่น้อย  เนื่องด้วยความต้องการของตลาดและผู้บริโภคมีจำนวนมาก แต่ทั้งนี้เกษตรกรผู้มีความสนใจในเรื่องการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ควรศึกษาวิธีการเลี้ยงต่างๆให้ละเอียด  เพื่อเป็นผลดีต่อการขายค้า มีกำไรดี ร่ำรวยต่อเกษตรกรได้อีกด้วย

    ติดตามอาชีพเสริมอื่นๆได้ที่ archeep108                           

 Credit ภาพ by http://www.liekr.com/post06061721008077

               https://www.sanook.com/money/585817/