โจ๊กสามย่าน ที่อร่อย เพิ่มพลังงาน ให้กับ เช้าวันใหม่

 

โจ๊กสามย่าน ที่อร่อย เพิ่มพลังงาน ให้กับ เช้าวันใหม่   เมื่อพูดถึงอาหารเช้าเราคงนึกถึง โจ๊ก เป็นเมนูอาหารเช้าการแรกที่เรานึกถึง และเป็นจานโปรดของใครหลายๆคนที่ตื่นเช้าสามารถหาซื้อได้ง่าย อร่อยมีคุณค่าอิ่มท้อง พร้อมรับพลังงานในเช้าวันใหม่ได้อย่างสดใส เรามักจะนึกถึง โจ๊กสามย่าน ยากที่จะปฏิเสธได้ว่าไม่มีใครรู้จักร้านนี้ ร้านที่คนชื่นชอบรับประทานโจ๊กจะต้องมานั่งทานร้านโจ๊กสามย่านให้ได้ แล้วสงสัยกันไหมว่าอะไรที่ทำให้ร้านโจ๊กสามย่านแตกต่างจากร้านอื่นๆทำไมทุกคนถึงนึกถึงแต่โจ๊กสามย่าน

โจ๊กเป็นอาหารของคนจีนก็จริงแต่ความนิยมในการกินโจ๊กแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค ซึ่งทางตอนใต้ของประเทศจีนในมณฑลกวางตุ้งนิยมกินโจ๊กมากและมีความเชี่ยวชาญในการทำโจ๊ก ส่วนของชาติอื่นโดยเฉพาะชาวตะวันตก เนื่องจากตัวโจ๊กผ่านฮ่องกง เพราะเป็นเขตติดต่อค้าขายกับต่างประเทศในฮ่องกงที่เป็นพื้นที่ที่ได้รับอิทธิพลมาจากกวางตุ้ง คนส่วนใหญ่จึงรู้จักโจ้กฮ่องกงว่าเป็นเจ้าที่อร่อย
แต่สำหรับเมืองไทยที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมสูงต้องยกนิ้วให้ โจ๊กสามย่าน ซึ่งปัจจุบันคุณโจ้ พีระพงษ์ คล่องปรัชญา เป็นเจ้าของดูแลกิจการหรือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ที่รับช่วงต่อมาจากอากงในการสืบทอดวิชาการทำโจ๊กมาอย่างยาวนาน
ร้านโจ๊กสามยอดเปิดมาตั้งแต่สมัยอากงอาม่า ซึ่งปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 แล้วรวมเวลากว่า 60 ปีสาขาแรกตั้งอยู่ที่จามจุรีสแควร์ และย้ายร้านมาที่จุฬาซอย 11 และขยายร้านต่อมาที่สาขาบรรทัดทองและอื่นๆอีกมากมายในบ้านเรา
เดิมร้านค้าอยู่ฝั่งจุฬาซอย 11 ซึ่งตอนนี้มาขยายเปิดร้านใหม่ตรงจุฬาซอย 6 คุณโจ้เป็นคนบริหารร้านเอง ทุกวันนี้เลยกลายเป็นว่าแถวสามย่านร้านโจ๊กสามย่านมี 2 สาขาคือจุฬาซอย 11 และจุฬาซอย 6 นับเป็นว่าเครื่องเครือข่ายความอร่อยแบบเดียวกันแล้วยังมีที่โชคชัย 4 ซอย 4 ลาดพร้าวอีกอันนั้นเป็นร้านของน้องชาย
ร้านโจ๊กสามย่านลูกค้าส่วนใหญ่ของร้านเป็นคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็กวัยรุ่น คนหนุ่มสาว คนวัยทำงาน วัยกลางคน จนถึงคนสูงอายุ รวมทั้งพนักงานออฟฟิศและข้าราชการ ผู้ที่ต้องส่งลูกไปโรงเรียนแต่เช้าวันหนึ่งบอกได้เลยว่าใช้ก็ต้มโจ๊กวันละ 1 กระสอบออโต้มากินได้เท่ากับถัง 200 ลิตร ช่วงเวลานี้ก็สามารถเพิ่มยอดขายเป็นรอบเย็นซึ่งถือว่าเป็นปฏิวัติการขายจากการขายเช้ามาเพิ่มขายเย็นด้วยเพิ่มยอดขายได้ดีทีเดียว
จุดเด่นของร้านโจ๊กสามย่าน ก็คือทางร้านจะเลือกใช้วัตถุดิบที่ได้คัดสรรมาอย่างดีที่สุดให้กับลูกค้า เริ่มตั้งแต่ข้าวซึ่งที่นี้หมายถึงข้าวหอมมะลิ 100% โดยเราคัดสรรค่าเป็นพิเศษคือเป็นข้าวพันธุ์ปทุมธานี 1 ซื้อข้าวเพลงรักมาจากคนปลูกดูแลอย่างใส่ใจและขับกับต้นข้าวอย่างดีด้วยการเปิดเพลงรักให้ข้าวฟัง ข้าวได้ซึมซับพลังงานคำพูดดี ๆ จนเก็บเกี่ยวรวมถึงการใช้ปุ๋ยธรรมชาติและปุ๋ยอินทรีย์บริสุทธิ์ และเป็นอะไรที่พิเศษไปกว่านั้นคือ เมื่อต้มสุกแล้วเนื้อจะเนียนนุ่มมาก มาใช้ในการทำโจ๊กที่อร่อยได้คุณค่า ส่วนหมูเด้งทางร้านจะมีขนาดพื้นที่ใหญ่ไม่มีสารเจือปนใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นสารที่ทำให้หมูเด้งหรือแป้งซึ่งหมูเด้งของร้านโจ๊กสามย่านเป็นหมูเด้งที่ใช้เนื้อหมูล้วน 100% บวกกับเคล็ดลับในการทำหมูแดงที่ไม่เหมือนใครทำให้หมูเด้งของร้านโจ๊กสามย่านมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบฉบับของร้านโจ๊กสามย่าน
เคล็ดลับความอร่อยของโจ๊กสามย่านแนะนำว่า ควรจะนึกถึงความใหญ่ของหนูก็ในชามโจ๊กกัดได้เต็มปากเต็มคำ  มีรสชาติที่กลมกล่อมเฉพาะตัว ทางร้านจะคัดสรรเนื้อหมูส่วนที่เป็นสันในเท่านั้นในการทำหมูสับให้ได้คุณภาพ  เราจะสั่งจากเจ้าประจำที่ซื้อกันมานานโดยทางร้านจะหมักหมูไว้ก่อน 1 วันเพื่อให้เข้าเนื้อเนื้อนุ่มมีรสชาติที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ทีเด็ดแล้วยังมีในส่วนของเครื่องใน โดยเฉพาะไส้และจะตุ๋นค้างคืนแล้วให้ปล่อยเย็นข้างนอกเพื่อให้น้ำซุปซึมเข้าไปในเนื้อไส้ ไม่ใช่แค่นึ่งแค่ไส้นิ่มก็เอาออก  ส่วนเครื่องในก็ใช้วิธีการเดียวกัน

 

ส่วนภาพบรรยากาศในการทำงานภายในร้านจะมีลูกน้องทั้งหมด 10 ถึง 15 คนแบ่งหน้าที่กันทำคนที่ต้นจนต้องมาก่อนร้านเปิด 2 ชั่วโมงโดยร้านจะเปิดละลาย 05:00 น นั่นหมายถึงตี 3 คนต้มโจ๊กจะต้องลงมาต้มโจ๊ก โดยการต้มโจ๊กเราใช้เครื่องกวนโจ๊ก ไม่ต้องมานั่งใช้ไม้พายไป ให้เครื่องกวนไปเรื่อย ๆ ส่วนเครื่องผสมก็มีคนที่มีหน้าที่เตรียมเครื่อง ซึ่งต้องเตรียมไว้ตั้งแต่ตอนเย็นเช้าอีกวัน พวกต้มเครื่องในก็ต้องไปต้มกลางคืน เช้าก็มาสามารถขายได้เลย ถ้าขายกลางคืนตอนเช้าก็เตรียมไว้ช่วงเช้าแล้วจะเริ่มขายตั้งแต่ 05:00 น ถึง 10:00 น เสร็จแล้วปิดร้านพักเตรียมของเปิดอีกที 15:30 น ถึง 22:00 น  ส่วนตัวคุณโจ้เองก็ทำหน้าที่บริหารจัดการดูแลร้านทั้งหมด  คัดสรรวัตถุดิบ ต้นหอม ผักชี พริกจนถึงเครื่องในการทำหมูสับรวมถึงดูแลการทำความสะอาดก่อนและชิมก่อนการขายทุกครั้งเพื่อให้ได้รสชาติที่คงความอร่อยมีคุณภาพได้มาตรฐาน
นี่คือเคล็ดลับทั้งหมดที่ทำให้โจ๊กสามย่านคงความอร่อยมากได้ถึง 60 ปีจนมาถึงวันนี้ก็ยังมีรสชาติที่คงเดิมคืออร่อยไม่เปลี่ยนแปลง ว่าง ๆ ใครผ่านแถวสามย่านก็ลองไปทานกันสักชามสองชามกันนะ รับรองว่าคุณไม่ผิดหวังแน่นอน
ขอขอบคุณเครดิตภาพ https://shorturl.asia/O47Kxhttps://shorturl.asia/E6ZCn
อ่านบทความคุณภาพเพิ่มเติมได้ที่ www.archeep108.com