สุดปัง รวยก่อนใคร กับ อาชีพ แม่ค้าออนไลน์ ถึงเวลานี้ อาชีพที่มาแรงแซงโค้งเห็นทีหนีไม่พ้น กับ อาชีพ แม่ค้าออนไลน์ ที่นับเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่มีผู้คนหันมาประกอบอาชีพนี้กันมากขึ้น ไม่ว่าจะทำเป็นอาชีพเสริม หรือ อาชีพหลักเลยก็มี ด้วยช่องทางการขายสินค้าและบริการมีหลากหลายเปิดให้ใช้ฟรีผ่านสื่อ Social Media ตัวอย่าง Facebook Instagram Tiktok หรือเป็นการไลฟ์ผ่าน Facebook ก็ตาม ที่ต่างนำพาความรวยสุดปังก่อนใครให้กับแม่ค้าออนไลน์ใครต่อใครหลายคนกันมาแล้ว . และที่เราเห็นประสบความสำเร็จดังทะลุเป้าเลยก็ คุณพิมรี่พาย ที่จากแม่ค้าตลาดนัดทั่วไป พัฒนาฝีมือการขายอยู่ตลอดเวลา มีความขยัน ความตั้งใจ อดทน มีสไตล์ และ เทคนิคการขายที่ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญนอกจากการขายสินค้าแล้วเธอยังนำรายได้จากการขายไปทำบุญให้กับคนยากไร้ คนแก่คนเฒ่าอีกด้วย ความตั้งใจ ความพยายาม รวมถึงบุญที่เธอสะสมมาทำให้เธอก้าวเข้าสู่แม่ค้าออนไลน์ที่โด่งดังประสบความสำเร็จมากที่สุดในบ้านเรา ฉะนั้นอาชีพแม่ค้าออนไลน์จึงเป็นอาชีพทางเลือกใหมที่น่าสนใจให้กับคนที่กำลังตกงานหรือต้องทำงาน work from home ได้ลองนำไปทำเป็นอาชีพให้กับตัวเอง . สนใจเริ่มขายของออนไลน์ แม่ค้าออนไลน์ควรเริ่มต้นอย่างไร การเริ่มต้นขายของออนไลน์ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแต่ต้องมีความตั้งใจ ความขยันอดทน เรียนรู้และพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง คุณก็จะสามารถประกอบอาชีพแม่ค้าออนไลน์ได้  วันนี้เราขอแนะนำวิธีก้าวเข้าสู่อาชีพแม่ค้าออนไลน์

ขนมครกเป็นขนมไทยๆ ที่ทุกคนรู้จักและคุ้นเคยกันดี ขนมครกร้อนๆ หอมๆ จากเตาเป็นสิ่งที่หลายคนชื่นชอบ จะรับประทานเปล่าๆ เป็นของทานเล่น หรือทานเป็นของว่างแก้หิวก็ได้ วิธีการทำก็ไม่ยาก สามารถประยุกต์ส่วนผสมและรสชาติให้เป็นรูปแบบต่างๆ ได้มากมาย ดังนั้นมาทำขนมครกขายเป็นอาชีพเสริมกันดีกว่า ส่วนผสมในการทำขนมครก แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง แป้งสาลีเอนกประสงค์ 3 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 1 ฟอง หางกะทิ 1 ลิตร เกลือ 2 ช้อนชา น้ำอุ่น 1 ลิตร ส่วนผสมหน้าขนมครก หัวกะทิ ครึ่งถ้วยตวง หางกะทิ ¼ ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นปลายช้อนชา เครื่องต่างๆ ตามต้องการ เช่น ข้าวโพด, ต้นหอมซอย, ฟักทองหั่นชิ้น, เผือกหั่นชิ้นและมะพร้าวอ่อน เป็นต้น

อาหารง่ายๆ ที่ใครๆ ก็ชอบ เด็กทานได้ผู้ใหญ่ทานดี รสชาติอร่อย แถมยังสามารถรับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา ต้องยกให้หมูทอด ที่จะรับประทานพร้อมกับข้าวเหนียวเป็นอาหารในมื้อเร่งด่วน หรือจะรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ และน้ำพริกก็เป็นมื้อง่ายๆ ที่แสนอร่อยก็ดี ดังนั้นหากจะทำเป็นอาชีพเสริมก็เรียกได้ว่าเป็นไอเดียที่ดี เพราะทำง่าย ขายง่าย แถมกำไรงามอีกด้วย ส่วนผสมในการทำหมูทอด หมูสันนอก 1 กิโลกรัม กระเทียม 1 หัว ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย 1/2 ช้อนโต๊ะ ซอสถั่วเหลือง 1/2 ช้อนโต๊ะ แป้งทอดกรอบ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับทอด ต้นทุน : 150 บาท อุปกรณ์ในการทำหมูทอดขายเป็นอาชีพเสริม กระทะทอด เตาแก๊ส อุปกรณ์ทอดและสะเด็ดน้ำมัน ถุงพลาสติกและกระดาษซับน้ำมันสำหรับใส่หมูทอด หากมีอุปกรณ์ในครัวที่สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องซื้อใหม่ก็ไม่ต้องมีต้นทุนสำหรับอุปกรณ์มาก ลงทุนซื้อเพียงถุงพลาสติกและกระดาษซับน้ำมันใส่หมูทอดในราคาไม่เกิน 100 บาท แต่หากรวมอุปกรณ์อย่างอื่นข้างต้นด้วยก็จะมีต้นทุนอยู่ที่

กระเป๋าเป็นแอคเซสซอรี่จำเป็นที่ใครๆ ก็ต้องมี ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ที่ใครต่างก็หันมาใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ มีกระบวนการผลิตที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมก็ทำให้ความนิยมในการใช้กระเป๋าที่ทำจากผ้ามีมากขึ้น ซึ่งหากคุณมีฝีมือในการตัดเย็บและมีไอเดียดีๆ ในการออกแบบกระเป๋าผ้าให้ดูสวยงามไม่เหมือนใคร หรือมีเดียออกแบบและเย็บกระเป๋าผ้าน่ารัก มีสไตล์เป็นของตัวเอง ก็สามารถทำกระเป๋าผ้าขายเป็นอาชีพเสริมที่สามารถสร้างรายได้อย่างน่าพอใจไม่น้อยเลยทีเดียว เริ่มต้นทำกระเป๋าผ้าขายเป็นอาชีพเสริมได้อย่างไร หากคุณมีฝีมือในการตัดเย็บอยู่แล้ว การทำกระเป๋าผ้าขายเป็นอาชีพเสริมก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่หากมีไอเดียและมีความสนใจที่จะทำกระเป๋าผ้าขายแต่ยังไม่มั่นใจในฝีมือตนเองมากนัก สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้จากแหล่งสอนดังต่อไปนี้ ศูนย์ฝึกอาชีพของกรุงเทพมหานคร และประจำจังหวัดต่างๆ ซึ่งเป็นคอร์สระยะสั้นที่สามารถเรียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โรงเรียนสอนเย็บผ้าที่มีเปิดสอนคอร์สเย็บกระเป๋าระยะสั้น ซึ่งมีราคาค่าเรียนตั้งแต่ 500 บาทไปจนถึงหลักหลายพันบาท เรียนออนไลน์จากคลิปใน Youtube และเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีทั้งสอนฟรีและแบบจ่ายเงิน ซึ่งหากจะทำเป็นอาชีพเสริมอย่างจริงจัง ควรเรียนรู้และหาไอเดียใหม่ๆ ให้มาก อุปกรณ์ในการทำกระเป๋าผ้าแฮนด์เมด จักรเย็บกระเป๋า มีราคาตั้งแต่ 2,000 ไปจนถึงหลักหมื่น ผ้าสำหรับเย็บกระเป๋า และ Accessorie ต่างๆ เช่น ซิป, กระดุม, ของตกแต่งต่างๆ เช่น ริบบิ้นและโบว์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเย็บผ้า มีทั้งดินสอเขียนผ้า, กรรไกร, คัทเตอร์, ไม้บรรทัด, ด้าย, เข็มและเข็มหมุด เป็นต้น ต้นทุน : เริ่มต้นตั้งแต่ 5,000 บาท

น้ำเต้าหู้ถือได้ว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ใครๆ ก็ชอบ เพราะรสชาติดี หอมอร่อย มีโปรตีนสูง ในตอนเช้าหากได้ดื่มน้ำเต้าหู้ร้อนๆ คู่กับปาท่องโก๋สักชิ้นสองชิ้นก็อิ่มสบาย หรือหากดื่มน้ำเต้าหู้ในช่วงเย็นก็ทำให้นอนหลับสบาย ดังนั้นการขายน้ำเต้าหู้เป็นอาชีพเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ เพราะสามารถขายเป็นอาชีพเสริมได้ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น วัตถุดิบในการทำน้ำเต้าหู้เป็นอาชีพเสริม 1.ถั่วเหลือง 2 กิโลกรัม ควรเลือกแบบเมล็ดเพราะจะทำออกมาได้อร่อยกว่าแบบซีก 2.น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม 3.เกลือป่น 1 ช้อนตวง 4.ใบเตย ประมาณ 20 ใบหรือกะปริมาณเพียงพอให้ได้กลิ่นหอม 5.น้ำเปล่า อุปกรณ์ 1.เครื่องปั่นสับไฟฟ้า 2.ผ้าขาวบาง 3.หม้ออลูมิเนียมหรือหม้อเคลือบ หลีกเลี่ยงการใช้หม้อสแตนเลส เพราะอาจทำให้น้ำเต้าหู้ไหม้ได้ง่ายขณะต้ม ความอร่อยจะลดลงไป วิธีทำ 1.นำถั่วเหลืองมาล้างให้สะอาด คัดเมล็ดที่เสียๆ ทิ้งไป จากนั้นเติมน้ำให้ท่วมถั่วเหลือง แช่ทิ้งเอาไว้อย่างน้อย 5 ชั่วโมงแต่ไม่ควรเกิน 10 ชั่วโมง เพราะจะทำให้ถั่วเหลืองบูด เมื่อแช่เอาไว้ครบตามเวลาที่กำหนดก็ต้องนำมาล้างอีกครั้งหนึ่งให้หมดกลิ่น 2.นำถั่วเหลืองมาปั่นกับน้ำเปล่า โดยปั่นให้เข้ากันจนถั่วกลายเป็นเนื้อละเอียดที่ดูจากภายนอกจะเห็นเหมือนเป็นน้ำสีขาวขุ่น ถั่วเหลืองที่ปั่นละเอียดแล้วให้ใส่รวมกันไว้ในหม้อและเติมน้ำลงไปประมาณ 30 ลิตร 3.กรองกากถั่วเหลืองออกโดยใช้ผ้าขาวบางให้เหลือแต่น้ำ ในขั้นตอนนี้ไม่ควรเติมน้ำลงไปเพิ่มอีกเพราะจะทำให้น้ำเต้าหู้มีรสชาติเจือจาง ไม่เข้มข้น 4.นำน้ำถั่วเหลืองที่ได้จากการกรองไปใส่ในหม้อแล้วต้นด้วยไฟระดับกลางๆ นำใบเตยที่เตรียมไว้ไปล้างให้สะอาดก่อนจะนำมามัดรวมกันแล้วใส่ลงไปในหม้อต้ม

วุ้นกรอบ เป็นขนมสำหรับทานเล่นที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากหน้าตาของขนมที่ดูน่ารักน่ารับประทาน อีกทั้งยังมีรสชาติต่างๆ ให้เลือกได้หลายรส รับประทานได้ตลอดไม่มีเบื่อ ดังนั้นหากกำลังมองหาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ การทำขนมวุ้นกรอบขายก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ เพราะวิธีการทำไม่ยุ่งยากเลย มาดูกันว่าการทำวุ้นกรอบขายเพื่อเป็นอาชีพเสริมนั้นทำได้อย่างไร วัตถุดิบในการทำวุ้นกรอบขายเป็นอาชีพเสริม ผงวุ้น 25 กรัม น้ำตาลทรายขาว 750 กรัม แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ กลิ่นผสมอาหาร ตามใจชอบ สีผสมอาหารชนิดน้ำ ตามใจชอบ โดยสูตรนี้ใช้ทำวุ้นได้ 200-300 ชิ้น อุปกรณ์ ถาดสำหรับใส่วุ้น พิมพ์วุ้นรูปร่างต่างๆ มีดสำหรับตัดวุ้นออกเป็นชิ้น ต้นทุน : ประมาณ 170 บาท วิธีทำ เทน้ำลงในหม้อ จากนั้นก็เทผงวุ้นลงไปคนผสมให้เข้ากันจากนั้นก็นำไปตั้งไฟความร้อนปานกลางแล้วค่อยๆ ใช้ไม้พายคนไปเรื่อยๆ จนผงวุ้นละลายหมด โดยจะสังเกตเห็นว่าน้ำในหม้อใส ไม่มีตะกอนของผงวุ้น เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วก็ใส่น้ำตาลลงไป คนให้เข้ากัน เมื่อน้ำตาลละลายหมดแล้ว ให้นำมากรองด้วยผ้าขาวบางจากนั้นนำไปตั้งบนเตาไฟและเคี่ยวต่ออีกสักครู่จนเหนียวได้ที่ นำแป้งท้าวยายม่อมละลายน้ำเล็กน้อยแล้วเทลงในหม้อ คนให้เข้ากัน รอจนเดือดแล้วค่อยยกหม้อลงมาพัก ผสมสีและกลิ่นผสมอาหารลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นนำไปเทใส่ถาดหรือใส่พิมพ์วุ้นตามที่ต้องการ พักให้วุ้นแข็งตัวประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วค่อยมีดตัดวุ้นออกเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ

หากพูดถึงเครื่องดื่มยอดนิยมที่ผู้คนนิยมดื่มกันมาก หนึ่งในนั้นก็คือ ชานมไข่มุก ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีที่มาจากไต้หวัน ไม่ว่าใครต่างก็ชื่นชอบชาหอมอร่อยที่มีไข่มุกเคี้ยวหนึบกินเพลิน เพราะฉะนั้นหากกำลังมองหาอาชีพเสริมที่มีโอกาสทำเงินได้อย่างดีแล้วล่ะก็ การเปิดร้านขายชาไข่มุกก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจไม่น้อย วัตถุดิบในการทำชานมไข่มุกขายเป็นอาชีพเสริม ส่วนผสมของชา ผงชา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ครีมเทียม 1ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 60ml น้ำแข็งเกล็ด ส่วนผสมของไข่มุก ไข่มุกสำเร็จรูป 1 ถ้วยตวง น้ำเชื่อม น้ำเปล่า วิธีทำ ต้มไข่มุกให้สุก โดยตั้งน้ำในหม้อบนเตาให้เดือดจัดจากนั้นใส่ไข่มุกสำเร็จรูปลงไป คอยคนไม่ให้ไข่มุกติดหม้อใช้เวลาประมาณ 25 นาที เมื่อไข่มุกสุกนิ่มแล้วปิดฝาท้องไว้ในหม้อต้นอีกประมาณ 25 นาที จากนั้นจึงนำไข่มุกออกมาล้างให้สะอาดก่อนจะนำไปแช่ในน้ำเชื่อม ต้มน้ำชา ด้วยการต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ผงชาลงไป รอจนชามีความเข้มข้นจึงกรองเอากากออก แล้วเติมน้ำตาล,ครีมเทียม และนมข้นจืดลงไป เทชาลงในแก้วแล้วตักไข่มุกต้มสุกลงไปในแก้วตามปริมาณที่ต้องการ พร้อมด้วยน้ำแข็งเกล็ด เคล็ดลับในการทำชาไข่มุกให้อร่อย สิ่งสำคัญในการทำชานมไข่มุกให้อร่อยคือ การต้มไข่มุกให้สุกพอดี เพื่อที่จะได้มีเนื้อหนึบ ไม่เหนียวหรือเละเกินไปจนทำให้ชาเสียรสชาติ ดังนั้น การต้มไข่มุกจึงต้องใช้น้ำเดือด ไม่เช่นนั้นจะทำให้ไข่มุกเละกลายเป็นแป้ง และอย่าลืมนำไข่มุกไปแช่ในน้ำเชื่อม เพราะจะทำให้ไข่มุกมีรสชาติอร่อยและมีความเงางามน่ารับประทาน อุปกรณ์ในการขายชานมไข่มุกเป็นอาชีพเสริม

ชีวิตที่แสนเร่งรีบทุกวันนี้ทำให้ผู้คนตางไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลตัวเองหรือทำงานบ้านมากนัก แต่งานบางอย่างเช่น การซักรีดเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะคนเราต้องใส่เสื้อผ้าสะอาดทุกวัน ดังนั้นการรับจ้างซักรีดจึงเป็นช่องทางในการทำอาชีพเสริมที่สามารถทำเงินได้เป็นอย่างดี และมีความต้องการจากลูกค้าไม่น้อยเลยทีเดียว อุปกรณ์ในการรับจ้างซักรีดเป็นอาชีพเสริม เครื่องซักผ้า เตารีด โต๊ะรีดผ้า กะละมังสำหรับซักผ้าที่ไม่สามารถซักด้วยเครื่องได้ ผงซักฟอก,น้ำยาปรับผ้านุ่ม,น้ำยาสำหรับขจัดคราบฝังแน่นต่างๆ,น้ำยารีดผ้าเรียบและน้ำยาอัดกลีบ ไม้แขวนเสื้อ ราวตากผ้าและราวแขวนผ้า ต้นทุน : หากมีเครื่องซักผ้า เตารีดและโต๊ะรีดผ้าที่มีอยู่แล้ว ก็ลงทุนเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งต้นทุนจะอยู่ที่ 500-700 บาท แต่หากยังไม่มีเครื่องซักผ้า ก็ต้องลงทุนซื้อเครื่องซักผ้าซึ่งมีราคาราว 20,000 บาท เตารีด 1,500-2,000 บาท โต๊ะรองรีด 500-700 บาท ขั้นตอนการซักรีด แยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกัน ให้ซักผ้าขาวก่อนจึงค่อยซักผ้าสีเพื่อป้องกันไม่ให้สีตก ซึ่งในการแยกผ้านี้ต้องรวมถึงการแยกเนื้อผ้าด้วย เพราะผ้าเนื้อบางหรือผ้าไหมไม่สามารถซักด้วยเครื่องได้ ต้องซักด้วยมือเท่านั้น แต่หากเป็นเนื้อผ้าทั่วๆ ไปและผ้าเนื้อแข็งอย่างผ้ายีนส์ก็สามารถซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ ผ้าที่มีรอยคราบเปื้อน ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะจุดกำจัดคราเปื้อนนั้นเสียก่อนจึงค่อยซัก ใส่ผ้าลงในถังซักให้มีปริมาณพอดี เพราะการใส่ผ้ามากเกินไปต่อการซักครั้งหนึ่งจะทำให้ผ้าไม่สะอาดและทำให้อายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าสั้นลงด้วย เมื่อซักผ้าเสร็จและตากแห้งแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการรีดผ้าซึ่งต้องปรับอุณหภูมิของเตารีดให้เหมาะสมกับผ้าแต่ละชนิด ผ้าที่มีเนื้อบางควรหาผ้ามารองก่อนรีดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น การคิดค่าจ้างซักผ้า การรับจ้างซักผ้าเป็นอาชีพเสริมมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือซักเป็นรายครั้งกับซักเป็นรายเดือน ค่าบริการในการซักเป็นรายครั้งอาจคิดค่าบริการชิ้นละ 10-15 บาท แต่หากเป็นชุดสูทหรือผ้าชิ้นใหญ่ก็คิดค่าบริการเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

เมื่อพูดถึงเสื้อผ้า ทุกคนคงรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะไม่ว่าใครก็ต้องซื้อเสื้อผ้าเพื่อสวมใส่ในชีวิตประจำวันและใส่ในโอกาสต่างๆ นอกจากนี้ ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่สนุกกับการแต่งตัวจึงมักซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ แต่ด้วยความที่ซื้อเสื้อผ้าใหม่หลายครั้งเข้าก็เปลืองเงิน จึงหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสองสภาพดีที่มีราคาถูกกว่าเสื้อผ้าใหม่เกินครึ่ง ดังนั้นจึงเป็นช่องทางที่คุณสามารถสร้างอาชีพเสริมสร้างรายได้ด้วยการขายเสื้อผ้ามือสองที่ลงทุนน้อย กำไรดี และมีโอกาสสร้างรายได้พิเศษนอกเหนือจากการทำงานประจำได้อีกทางหนึ่ง ธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสอง เป็นธุรกิจที่มีโอกาสทำเงินได้เป็นอย่างดี เพราะจากข้อมูลการศึกษาพฤติกรรมการซื้อเสื้อผ้าของคนไทยพบว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนจะซื้อเสื้อผ้า 440 บาทต่อเดือน ยังไม่รวมถึงคนที่ชอบแต่งตัวที่จะใช้จ่ายเงินในจำนวนที่มากกว่านี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสองเพราะคนที่ซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ มักจะไม่ค่อยอยากซื้อเสื้อผ้าในราคาแพง แต่อยากจะซื้อเสื้อผ้ามือสองที่มีสภาพดีแต่ราคาถูกกว่า ขายเสื้อผ้ามือสองลงทุนเท่าไหร่ คุณอาจเริ่มต้นธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสองด้วยการนำเสื้อผ้าเก่าๆ ที่อยู่ในสภาพดีแต่ไม่ได้ใส่หรือใส่ไม่ได้แล้วมาขาย ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้ต้องอยู่ในสภาพดีและซักทำความสะอาดมาแล้ว แต่หากจะขายเป็นอาชีพอาจเลือกลงทุนซื้อเสื้อผ้ามือสองยกกระสอบที่มีขายตั้งแต่ 2,000-2,500 บาทซึ่งในกระสอบหนึ่งมีเสื้ออยู่ประมาณ 100 ตัว ไปจนถึงเสื้อผ้ามือสองสภาพดีขายส่งยกชุดที่ขายกันตั้งแต่ 4,000 บาทต่อ 50 ตัว แหล่งซื้อเสื้อผ้ามือสอง คุณสามารถซื้อเสื้อผ้ามือสองแบบยกกระสอบหรือแบบเลือกเป็นชิ้นมาขายต่อได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น จตุจักร/ประตูน้ำ/โบ๊เบ๊ ในกรุงเทพมหานคร, ตลาดโรงเกลือ สระแก้ว และท่าเรือชลบุรี แต่หากไม่อยากลำบากเดินทางไปซื้อก็สามารถสั่งซื้อผ่านร้านขายเสื้อผ้ามือสองยกกระสอบออนไลน์ ขายที่ไหน สิ่งสำคัญของการขายเสื้อผ้ามือสองก็คือ ทำเลในการขาย ซึ่งคุณจะต้องเลือกทำเลในการขายให้เหมาะสมกับคุณภาพของเสื้อผ้าและกลุ่มเป้าหมาย หากเป็นเสื้อผ้ามือสองคุณภาพพอใช้ได้ ราคาไม่แพง สามารถไปตั้งขายในตลาดนัดหรือถนนคนเดิน แต่หากเป็นเสื้อผ้ามือสองในระดับดี มีแบรนด์ และขายในราคาสูงขึ้นมาควรเลือกทำเลขายในแหล่งแฟชั่น หน้าห้างหรือในห้างสรรพสินค้า หรือขายออนไลน์