หากพูดถึงเครื่องดื่มยอดนิยมที่ผู้คนนิยมดื่มกันมาก หนึ่งในนั้นก็คือ ชานมไข่มุก ซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีที่มาจากไต้หวัน ไม่ว่าใครต่างก็ชื่นชอบชาหอมอร่อยที่มีไข่มุกเคี้ยวหนึบกินเพลิน เพราะฉะนั้นหากกำลังมองหาอาชีพเสริมที่มีโอกาสทำเงินได้อย่างดีแล้วล่ะก็ การเปิดร้านขายชาไข่มุกก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจไม่น้อย วัตถุดิบในการทำชานมไข่มุกขายเป็นอาชีพเสริม ส่วนผสมของชา ผงชา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ครีมเทียม 1ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 60ml น้ำแข็งเกล็ด ส่วนผสมของไข่มุก ไข่มุกสำเร็จรูป 1 ถ้วยตวง น้ำเชื่อม น้ำเปล่า วิธีทำ ต้มไข่มุกให้สุก โดยตั้งน้ำในหม้อบนเตาให้เดือดจัดจากนั้นใส่ไข่มุกสำเร็จรูปลงไป คอยคนไม่ให้ไข่มุกติดหม้อใช้เวลาประมาณ 25 นาที เมื่อไข่มุกสุกนิ่มแล้วปิดฝาท้องไว้ในหม้อต้นอีกประมาณ 25 นาที จากนั้นจึงนำไข่มุกออกมาล้างให้สะอาดก่อนจะนำไปแช่ในน้ำเชื่อม ต้มน้ำชา ด้วยการต้มน้ำให้เดือด จากนั้นใส่ผงชาลงไป รอจนชามีความเข้มข้นจึงกรองเอากากออก แล้วเติมน้ำตาล,ครีมเทียม และนมข้นจืดลงไป เทชาลงในแก้วแล้วตักไข่มุกต้มสุกลงไปในแก้วตามปริมาณที่ต้องการ พร้อมด้วยน้ำแข็งเกล็ด เคล็ดลับในการทำชาไข่มุกให้อร่อย สิ่งสำคัญในการทำชานมไข่มุกให้อร่อยคือ การต้มไข่มุกให้สุกพอดี เพื่อที่จะได้มีเนื้อหนึบ ไม่เหนียวหรือเละเกินไปจนทำให้ชาเสียรสชาติ ดังนั้น การต้มไข่มุกจึงต้องใช้น้ำเดือด ไม่เช่นนั้นจะทำให้ไข่มุกเละกลายเป็นแป้ง และอย่าลืมนำไข่มุกไปแช่ในน้ำเชื่อม เพราะจะทำให้ไข่มุกมีรสชาติอร่อยและมีความเงางามน่ารับประทาน อุปกรณ์ในการขายชานมไข่มุกเป็นอาชีพเสริม

อาชีพอิสระ มีอะไรบ้าง? ภาพของคำว่า “อาชีพอิสระ” คือ การที่คิด พูด ทำ ตัดสินใจ กำหนดชีวิตการทำงานของตัวเอง ไม่ต้องขึ้นกับใคร ไม่ต้องถูกใครบังคับ ช่างเป็นอาชีพที่น่าสนใจ ใครๆ  ก็อยากเป็นนายตัวเอง เพราะชีวิตขึ้นอยู่กับคนอื่นมานานแล้ว ดังนั้นเราจึงมักเห็นบัณฑิตจบใหม่มีความใฝ่ฝันที่จะทำอาชีพอิสระ ข้อดีนะหรือ? มากมาย และดูเหมือนความเป็นไปได้จะมีมากเสียด้วย เพราะยุคนี้เป็นยุคไอที การสื่อสารไร้พรมแดน ทำให้เกิดอาชีพยุคใหม่ที่น่าสนใจ มากมาย ตัวอย่าง เช่น การจัดรายการทีวีช่องของตัวเองผ่าน youtube เป็นต้น และถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนหนึ่งที่สนใจอาชีพอิสระ ทำอะไรดี มาดูกัน อาชีพอิสระที่น่าสนใจในปัจจุบัน อยากมีอาชีพอิสระ ไม่ต้องทำงานรูทีนที่ซ้ำซาก น่าเบื่อ หรืออยู่ภายใต้ความกดดันของคนอื่น และยากที่จะหลีกออกจากภาวะนั้น เพราะถูกระบบครอบงำ หาอาชีพอิสระที่น่าสนใจไปได้ดีในยุคนี้ดีกว่าค่ะ 1. อาชีพที่เกี่ยวข้องกับวงการบันเทิงทุกแขนง นับเป็นอาชีพในฝันของหนุ่มๆ สาวๆ ยุคนี้เลย เพราะนอกจากจะมีอิสระ มีชื่อเสียงแล้ว ยังเป็นที่มาของรายได้เป็นกอบเป็นกำ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเบื้องหน้า อย่าง ดารานักแสดง นักร้อง นักดนตรี หรืออาชีพที่นำไปสู่อาชีพนักแสดง อย่างโมเดลลิ่ง

ชีวิตที่แสนเร่งรีบทุกวันนี้ทำให้ผู้คนตางไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลตัวเองหรือทำงานบ้านมากนัก แต่งานบางอย่างเช่น การซักรีดเสื้อผ้าก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะคนเราต้องใส่เสื้อผ้าสะอาดทุกวัน ดังนั้นการรับจ้างซักรีดจึงเป็นช่องทางในการทำอาชีพเสริมที่สามารถทำเงินได้เป็นอย่างดี และมีความต้องการจากลูกค้าไม่น้อยเลยทีเดียว อุปกรณ์ในการรับจ้างซักรีดเป็นอาชีพเสริม เครื่องซักผ้า เตารีด โต๊ะรีดผ้า กะละมังสำหรับซักผ้าที่ไม่สามารถซักด้วยเครื่องได้ ผงซักฟอก,น้ำยาปรับผ้านุ่ม,น้ำยาสำหรับขจัดคราบฝังแน่นต่างๆ,น้ำยารีดผ้าเรียบและน้ำยาอัดกลีบ ไม้แขวนเสื้อ ราวตากผ้าและราวแขวนผ้า ต้นทุน : หากมีเครื่องซักผ้า เตารีดและโต๊ะรีดผ้าที่มีอยู่แล้ว ก็ลงทุนเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำความสะอาดต่างๆ ซึ่งต้นทุนจะอยู่ที่ 500-700 บาท แต่หากยังไม่มีเครื่องซักผ้า ก็ต้องลงทุนซื้อเครื่องซักผ้าซึ่งมีราคาราว 20,000 บาท เตารีด 1,500-2,000 บาท โต๊ะรองรีด 500-700 บาท ขั้นตอนการซักรีด แยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกัน ให้ซักผ้าขาวก่อนจึงค่อยซักผ้าสีเพื่อป้องกันไม่ให้สีตก ซึ่งในการแยกผ้านี้ต้องรวมถึงการแยกเนื้อผ้าด้วย เพราะผ้าเนื้อบางหรือผ้าไหมไม่สามารถซักด้วยเครื่องได้ ต้องซักด้วยมือเท่านั้น แต่หากเป็นเนื้อผ้าทั่วๆ ไปและผ้าเนื้อแข็งอย่างผ้ายีนส์ก็สามารถซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ ผ้าที่มีรอยคราบเปื้อน ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะจุดกำจัดคราเปื้อนนั้นเสียก่อนจึงค่อยซัก ใส่ผ้าลงในถังซักให้มีปริมาณพอดี เพราะการใส่ผ้ามากเกินไปต่อการซักครั้งหนึ่งจะทำให้ผ้าไม่สะอาดและทำให้อายุการใช้งานของเครื่องซักผ้าสั้นลงด้วย เมื่อซักผ้าเสร็จและตากแห้งแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการรีดผ้าซึ่งต้องปรับอุณหภูมิของเตารีดให้เหมาะสมกับผ้าแต่ละชนิด ผ้าที่มีเนื้อบางควรหาผ้ามารองก่อนรีดเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น การคิดค่าจ้างซักผ้า การรับจ้างซักผ้าเป็นอาชีพเสริมมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือซักเป็นรายครั้งกับซักเป็นรายเดือน ค่าบริการในการซักเป็นรายครั้งอาจคิดค่าบริการชิ้นละ 10-15 บาท แต่หากเป็นชุดสูทหรือผ้าชิ้นใหญ่ก็คิดค่าบริการเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก

เมื่อพูดถึงเสื้อผ้า ทุกคนคงรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะไม่ว่าใครก็ต้องซื้อเสื้อผ้าเพื่อสวมใส่ในชีวิตประจำวันและใส่ในโอกาสต่างๆ นอกจากนี้ ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่สนุกกับการแต่งตัวจึงมักซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ แต่ด้วยความที่ซื้อเสื้อผ้าใหม่หลายครั้งเข้าก็เปลืองเงิน จึงหันมาซื้อเสื้อผ้ามือสองสภาพดีที่มีราคาถูกกว่าเสื้อผ้าใหม่เกินครึ่ง ดังนั้นจึงเป็นช่องทางที่คุณสามารถสร้างอาชีพเสริมสร้างรายได้ด้วยการขายเสื้อผ้ามือสองที่ลงทุนน้อย กำไรดี และมีโอกาสสร้างรายได้พิเศษนอกเหนือจากการทำงานประจำได้อีกทางหนึ่ง ธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสอง เป็นธุรกิจที่มีโอกาสทำเงินได้เป็นอย่างดี เพราะจากข้อมูลการศึกษาพฤติกรรมการซื้อเสื้อผ้าของคนไทยพบว่า โดยเฉลี่ยแล้วคนจะซื้อเสื้อผ้า 440 บาทต่อเดือน ยังไม่รวมถึงคนที่ชอบแต่งตัวที่จะใช้จ่ายเงินในจำนวนที่มากกว่านี้ จึงเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสองเพราะคนที่ซื้อเสื้อผ้าบ่อยๆ มักจะไม่ค่อยอยากซื้อเสื้อผ้าในราคาแพง แต่อยากจะซื้อเสื้อผ้ามือสองที่มีสภาพดีแต่ราคาถูกกว่า ขายเสื้อผ้ามือสองลงทุนเท่าไหร่ คุณอาจเริ่มต้นธุรกิจขายเสื้อผ้ามือสองด้วยการนำเสื้อผ้าเก่าๆ ที่อยู่ในสภาพดีแต่ไม่ได้ใส่หรือใส่ไม่ได้แล้วมาขาย ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้ต้องอยู่ในสภาพดีและซักทำความสะอาดมาแล้ว แต่หากจะขายเป็นอาชีพอาจเลือกลงทุนซื้อเสื้อผ้ามือสองยกกระสอบที่มีขายตั้งแต่ 2,000-2,500 บาทซึ่งในกระสอบหนึ่งมีเสื้ออยู่ประมาณ 100 ตัว ไปจนถึงเสื้อผ้ามือสองสภาพดีขายส่งยกชุดที่ขายกันตั้งแต่ 4,000 บาทต่อ 50 ตัว แหล่งซื้อเสื้อผ้ามือสอง คุณสามารถซื้อเสื้อผ้ามือสองแบบยกกระสอบหรือแบบเลือกเป็นชิ้นมาขายต่อได้จากหลายแหล่ง ไม่ว่าจะเป็น จตุจักร/ประตูน้ำ/โบ๊เบ๊ ในกรุงเทพมหานคร, ตลาดโรงเกลือ สระแก้ว และท่าเรือชลบุรี แต่หากไม่อยากลำบากเดินทางไปซื้อก็สามารถสั่งซื้อผ่านร้านขายเสื้อผ้ามือสองยกกระสอบออนไลน์ ขายที่ไหน สิ่งสำคัญของการขายเสื้อผ้ามือสองก็คือ ทำเลในการขาย ซึ่งคุณจะต้องเลือกทำเลในการขายให้เหมาะสมกับคุณภาพของเสื้อผ้าและกลุ่มเป้าหมาย หากเป็นเสื้อผ้ามือสองคุณภาพพอใช้ได้ ราคาไม่แพง สามารถไปตั้งขายในตลาดนัดหรือถนนคนเดิน แต่หากเป็นเสื้อผ้ามือสองในระดับดี มีแบรนด์ และขายในราคาสูงขึ้นมาควรเลือกทำเลขายในแหล่งแฟชั่น หน้าห้างหรือในห้างสรรพสินค้า หรือขายออนไลน์

ทุกวันนี้คนเริ่มหันมาสนใจสุขภาพมากขึ้น ด้วยการออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการรับประทานอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล อาหารสำเร็จรูป และหันมารับประทานผักผลไม้กันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมนูผักอย่างสลัดผัก ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เมื่อความต้องการในการบริโภคผักสดมากขึ้น จึงเป็นโอกาสในการปลูกผักขายเพื่อทำเงินเป็นอาชีพเสริม ซึ่งผู้บริโภคทุกวันนี้ต้องการซื้อผักที่สด สะอาด ไม่มีการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ดังนั้น ผักไฮโดรโปนิคส์จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด ปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ขายเป็นอาชีพเสริม ต้องลงทุนอะไรบ้าง ก่อนอื่นต้องสำรวจพื้นที่ในการปลูกว่ามีพื้นที่เพียงพอหรือไม่ หากมีพื้นที่เล็กเกินไป เมื่อกิจการขยายตัวขึ้นและมีลูกค้าสั่งซื้อในปริมาณที่มากขึ้นจะมีพื้นที่เพียงพอในการผลิตให้ได้ตามความต้องการของลูกค้าหรือไม่ เมื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกแล้วก็ต้องเตรียมอุปกรณ์ในการปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ขายดังต่อไปนี้ 1.อุปกรณ์ในการเพาะต้นกล้าผัก มีทั้งเพอร์ไลท์ และเวอร์มิคูไลท์ที่มีลักษณะเหมือนฟองน้ำสีขาว หรืออาจประยุกต์ใช้ฟองน้ำหรือแกลบแทนก็ได้ 2.เมล็ดพันธุ์ มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิดคือแบบเคลือบดินและแบบไม่เคลือบดินซึ่งแบบหลังนี้จะมีอัตราการงอกที่ดีกว่า 3.ปุ๋ย ในการปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ขายจะต้องใช้ปุ๋ยโดยเฉพาะที่เรียกว่าปุ๋ย AB 4.กระถางและรางท่อสำหรับปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ ซึ่งการปลูกผักไฮโดรโปนิคส์ขายควรใช้ระบบน้ำแบบ Deep Flow Technique หรือแบบ Nutrient Film Technique เพื่อหล่อเลี้ยงผักให้เจริญเติบโต ต้นทุน : เริ่มต้นที่ 4,000 บาท ปลูกแล้วขายที่ไหน 1.ขายปลีกโดยตรงจากฟาร์ม หากมีลูกค้าที่สนใจและอยากซื้อประจำ สามารถขายปลีกเพื่อส่งผักถึงมือลูกค้าได้โดยตรง เหมาะสำหรับฟาร์มขนาดเล็กที่มีปริมาณการผลิตไม่มาก หรือปลูกขายเป็นอาชีพเสริม 2.ร้านอาหาร มีร้านอาหารหลายร้านที่ต้องการซื้อผักประจำ